ลิเวอร์พูลเริ่มต้นฤดูกาล 2018-19 อย่างงดงามด้วยชัยชนะ 4-0 เหนือเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่แอนฟิลด์ ที่มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ โดยแซม วิลเลียมส์ นักข่าวจากเว็บไซต์สโมสรได้สรุป 5 ประเด็นที่จากเกม ดังต่อไปนี้...

นักเตะใหม่ปรับตัวได้ทันที

อลิสสัน เบ็คเกอร์ และนาบี เกอิต้า ประเดิมเกมแข่งขันนัดแรกกับลิเวอร์พูลด้วยการเป็นตัวจริง และแทบไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว

โดยผู้รักษาประตูชาวบราซิลแสดงความสุขุม และเยือกเย็นออกมาตลอดทั้งเกม รวมถึงจังหวะจ่ายบอลจากเท้าให้แอนดี โรเบิร์ตสัน กลางครึ่งแรกที่ได้รับเสียงปรบมืออย่างมากจากแฟนบอลเจ้าถิ่น เช่นกันกับการเก็บคลีนชีต

ขณะเดียวกัน เกอิต้า เล่นได้อย่างมีพลัง และเฉียบขาดตลอด 70 นาทีในแดนกลางของลิเวอร์พูล เขาทั้งทำลายเกมคู่แข่ง และสร้างสรรค์เกมจากแดนกลาง รวมถึงจังหวะดึงเกมก่อนจ่ายให้โรเบิร์ตสัน แอสซิสต์ให้ซาลาห์ ก่อนยืนในเป็นหนึ่งในสามประสานแดนหน้าท้ายหลังโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ที่ถูกเปลี่ยนออกไป

เซอร์ดาน ชากิรี ดูวูบวาบมาก หลังจากลงเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเช่นกัน

ฤดูกาลใหม่ สามประสานในแดนหน้าชุดเก่า

หลังจากทำไป 91 ประตูในฤดูกาลที่แล้ว ซาลาห์, มาเน่ และเฟอร์มิโน่ เป็นที่ครั่นคร้ามไปทั่วยุโรป และชัดเจนว่า ไม่มีใครอยากให้มันต่างออกไปจากเดิม ซึ่งเกมนี้ทั้งสามคนยังเล่นได้อย่างคึกคัก และอันตราย

และเป็นอย่างเคยกับประตูที่ตามมา เริ่มจากซาลาห์ในนาทีที่ 19 ตามด้วยสองประตูของมาเน่ ขณะที่เฟอร์มิโน่มีชื่อแอสซิสต์ในเกมนี้

โจ โกเมซ: เซนเตอร์แบ็ก...

การที่เดยัน ลอฟเรน, โจเอล มาติป และแร็กนาร์ คลาวาน ไม่พร้อมลงเล่น คล็อปป์เลือกโกเมซจับคู่กับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คเป็นหัวใจในแนวรับ และนักเตะวัย 21 ปีที่เล่นฟูลแบ็กให้หงส์แดงในช่วงต้นเล่นในตำแหน่งถนัดได้อย่างมั่นใจ

เขาแย่งบอลคืนได้ 9 ครั้งตลอด 90 นาที และมีเพียงเกอิต้าที่ทำได้มากกว่าในทีมลิเวอร์พูล รวมถึงสกัดทิ้งสูงสุดในทีมที่ 4 ครั้ง เข้าสกัด 3 ครั้ง และบล็อกได้ 1 ครั้ง

สัมผัสแรก...

หลังจากทำไป 6 ประตูจาก 9 เกมปรีซีซั่น แดเนียล สเตอร์ริดจ์อยู่ในฟอร์มการทำประตูที่ดีเยี่ยม ที่แม้แต่ตัวเขาเองคงไม่คาดคิดว่า จะส่งผลต่อเกมทันทีที่ลุกจากม้านั่งสำรอง

เจ้าของเสื้อเบอร์ 15 ใช้เวลารวมทั้งหมด 24 วินาทีในการทำประตูหลังจากที่ลงเล่นแทนซาลาห์ก่อนหมดเวลา 3 นาที ความสด และเฉียบคมของเขา แสดงเห็นจากการโดนบอลครั้งแรก ซึ่งคงไม่มีใคร ‘พลิกเกม’ ได้เร็วไปกว่านี้?

ทางเลือกต่างๆ...

สเตอร์ริดจ์, ชากิรี, อดัม ลัลลานา, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, นาธาเนียล ไคลน์ และลอริส คาริอุส บนม้านั่งสำรอง? ด้วยคุณภาพคับแก้วของ 7 ตัวสำรองในเกมนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า คล็อปป์มีขุมกำลังเชิงลึกที่ดีแค่ไหนในฤดูกาลนี้

ยังไม่ลืม 3 เซนเตอร์แบ็กรุ่นใหญ่ที่หายจากทีมไปพร้อมกันอย่างลอฟเรนที่เพิ่งลงเล่นฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศ เมื่อ 3 ปีก่อน มาติป และควาวานที่ยังมีปัญหาการบาดเจ็บ