ลิเวอร์พูลเปิดฉากการแข่งขันในรายการอินเตอร์เนชันแนล แชมเปียนส์คัพ ด้วยการปราชัยต่อโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปด้วยสกอร์ 3-1 ที่ชาร์ล็อตต์ สหรัฐอเมริกา

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: คาริอุส, ไคลน์, ฟาน ไดจ์ค, มาติป, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ลัลลานา, กามาโช่, มาร์โควิช, โจนส์ และโอริกี     

สำรอง: เคลเลเฮอร์, กราบารา, มิลเนอร์, เกอิต้า, โกเมซ, สเตอร์ริดจ์, คลาวาน, โมเรโน่, โซลันกี, ฟิลลิปส์, โอโจ้ และวู้ดเบิร์น   

Team News อัพเดตก่อนเกม:  โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และมาร์โก กรูยิช จะไม่มีส่วนในเกมนี้หลังจากเพิ่งกลับมาฝึกซ้อมปรีซีซั่นในวันศุกร์จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ติดหวัด 2 วันที่แล้ว เปโดร ชิริเบย่า ก็มีปัญหานิดหน่อยที่หลัง ส่วนเซอร์ดาน ชากิรี จะเดินทางมาสมทบกับทีมในสัปดาห์หน้า

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที   25 ฟาน ไดจ์ค โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 66 พูลิซิซตีเสมอจากจุดโทษ 1-1
  • นาที 89 พูลิซิซยิงให้ดอร์ทมุนด์นำ 2-1
  • นาที 90+3 บรุนน์ ลาร์เซน ยิงให้ดอร์ทมุนด์ 3-1

เกมในครึ่งแรก

เกมแรกในรายการอินเตอร์เนชันแนล แชมเปียนส์ คัพส์ ของลิเวอร์พูลเริ่มต้นด้วยการลงปะทะกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และเมื่อเริ่มเกม ในนาที 4 คาริอุส สกัดบอลพลาดแต่ฟิลิปส์ยิงสวนไม่ตรงกรอบ ลิเวอร์พูลทำเกมได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนในนาที 9 ลัลลานาได้โอกาสในกรอบ แต่ยังกระดกบอลไม่ผ่าน

ดอร์ทมุนด์ทำเกมรุกขึ้น ในนาที 11 ลิเวอร์พูลต้องสกัดบอลออกหลัง และในนาที 13 คาริอุสต้องล้มตัวตะครุบบอล

ลิเวอร์พูลต้องเล่น 10 คนชั่วคราวในนาที 18 เมื่อมาติปออกจากสนามหลังจากจังหวะที่จ่ายบอลแรง ก่อนที่โกเมซจะลงมาแทนในนาที 22

กามาโช่ได้โอกาสเปิด บอลไหลไปหน้าประตู แต่โอริกีเข้ามาไม่ทัน แต่จากนั้นในจังหวะเตะมุม ฟาน ไดจ์ค ได้โหม่งโล่งๆ หน้าประตู จากลูกเปิดของโรเบิร์ตสัน ในนาที 25 ให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำก่อน 1-0

ดอร์ทมุนด์บุกหนัก ทำให้คาริอุสต้องออกแรงเซฟในจังหวะที่ดอร์ทมุนด์ขึ้นเกมรุกทางขวาเปิดเข้ากลางของโวล์ฟ

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที   

เกมในครึ่งหลัง

รายชื่อในครึ่งหลัง: คาริอุส, ไคลน์, โกเมซ, คลาวาน, โมเรโน่, มิลเนอร์ (กัปตันทีม), เกอิต้า, วู้ดเบิร์น, โอโจ้, สเตอร์ริดจ์ และโซลันกี

ลิเวอร์พูลลงเล่นครึ่งหลังด้วยความสด และในนาที 50 สเตอร์ริดจ์ประสานงานกับเกอิต้าก่อนสเตอร์ริดจ์พาบอลไปถึงเส้นหลัง และตวัดเข้ามาอย่างสวย แต่โอโจ้ไม่สามารถยิงได้ เพราะถูกบล็อก

มิลเนอร์ได้มีโอกาสปั่นในนาที 56 หลังจากสเตอร์ริดจ์ทำเกมขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่บอลไม่เข้ากรอบ

ลิวเวอร์พูลทำเกมรุกได้อย่างดุดันในนาที 60 เมื่อเกอิต้าพาบอลเข้าไปในเขตก่อนถูกสกัดออกหลัง และนาทีต่อมาโซลันกีได้ขึ้นโหม่งจากการเปิดเตะมุมของมิลเนอร์ แต่บอลเฉี่ยวโคนเสาออกไปเพียงนิดเดียว

นาที 62 คล็อปป์ส่งฟิลลิปส์ลงมาแทนไคลน์

ลิเวอร์พูลทำได้ใกล้เคียงอีกครั้งในนาที 63 เมื่อวู้ดเบิร์นฉกบอลมาได้ ก่อนโอโจ้ได้ยิงแต่บอลชนคาน

และในนาที 65 ดอร์ทมุนด์ได้จุดโทษ และพูลิซิซรับหน้าที่ยิงเข้าไปตีเสมอ 1-1

เกอิต้าสร้างความตื่นตาอีกครั้งในนาที 75 เมื่อพาบอลเข้าไปในเขต ก่อนที่จะตวัดกลับมา แต่เพื่อนยังจับบอลในเขตโทษไม่ได้ บอลเลยมาที่มิลเนอร์ที่พยายามปั้นยิง แต่บอลเข้าซองผู้รักษาประตู

ในขณะที่เกมกำลังจะจบและทั้งสองทีมต้องดวลจุดโทษตัดสินนั้น ลิเวอร์พูลถูกดอร์ทมุด์แซงนำ 2-1 ในนาที 89 จากลูกยิงของพูลิซิซที่ยิงเสียบเสาเข้าไป

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บรุนน์ ลาร์เซนเข้ามาซ้ำในจังหวะที่คาริอุสปัดลูกยิงออกมา ให้ดอร์ทมุนด์นำ 3-1 ก่อนกรรมการเป่าจบเกม