Match Report: ลิเวอร์พูลเอาชนะโตริโน่ในเกมปรีซีซั่นนัดสุดท้าย
ลิเวอร์พูลปิดฉากปรีซีซั่นได้อย่างสวยงาม เมื่อเอาชนะโตริโน่ ที่มาเยือนแอนฟิลด์ ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 จากประตูของเฟอร์มิโน่, ไวจ์นัลดุม และสเตอร์ริดจ์ ก่อนที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นในวันอาทิตย์นี้
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาน ไดจ์ค, ฟิลิปส์, โมเรโน่, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, เกอิต้า, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่
สำรอง: คาริอุส, ไคลน์, เฮนเดอร์สัน, สเตอร์ริดจ์, กรูยิช, ลัลลานา, ชากิรี, โรเบิร์ตสัน, อิงส์, โจนส์, จอห์นสตัน, กามาโช่ และกราบารา
Team News อัพเดตก่อนเกม: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสนามเป็นเกมแรก นับตั้งแต่กลับมาซ้อมในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่นาธาเนียล ฟิลิปส์ ได้โอกาสลงประจำการในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก
อัลเบร์โต้ โมเรโน่ รับหน้าที่ในตำแหน่งกัปตันในเกมนี้
จังหวะสำคัญในเกม
- นาที 21 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
- นาที 24 ไวจ์นัลดุม ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
- นาที 31 เบล็อตติโหม่งให้โตริโร่ตามมา 1-2
- นาที 87 สเตอร์ริดจ์โหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 3-1
เกมในครึ่งแรก
ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้าย โดยต้อนรับทีมโตริโน่ จากอิตาลีที่มาเยือนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 จะเปิดฉากเริ่มขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ โดยมี 4 นักเตะใหม่ได้ประเดิมสนามในเกมนี้ นั่นก็คืออลิสสัน, ฟาบินโญ่, เกอิต้า และชากิรี
จังหวะแรกที่ใกล้เคียงเป็นประตูมาจากทีมเจ้าบ้านในนาที 15 เมื่อมาเน่ได้บอลจากซาลาห์ ก่อนพาบอลขึ้นไปและได้จิ้มบอล แต่เสียการทรงตัวเพราะถูกเบียด ฟาบินโญ่รับหน้าที่ยิง แต่น่าเสียดายที่บอลไม่เข้ากรอบ จึงยังเสมอกันอยู่ 0-0
ลิเวอร์พูลมาได้ประตู 1-0 ในนาที 21 หลังจากซาลาห์ให้บอลไปที่เฟอร์มิโน่ที่วิ่งขึ้นมาเติม ก่อนพาบอลเข้ากรอบและซัดด้วยขวาเข้าไปอย่างสวยงาม จากนั้นเพียง 3 นาที ไวจ์นัลดุมได้บอลจากซาลาห์อีกครั้งก่อนยิงเรียดไปที่เสาใกล้เสียบมุม ให้ทีมนำ 2-0
แต่ในนาที 31 ลิเวอร์พูลถูกตีไข่แตก จากจังหวะโหม่งของเบล็อตติที่เข้ามาโฉบโหม่งผ่านมืออลิสสันเข้าไป
โตริโน่ได้ฟรีคิกนาที 38 หลังฟิลิปส์ทำฟาวล์ แต่เล่นสั้น และฟาน ไดจ์ค เคลียร์ออกมาได้
จากนั้นในนาที 40 ไวจ์นัลดุมได้โอกาสหลุดเข้าไปในกรอบ แต่ยิงไม่ผ่าน ก่อนที่บอลจะมาเข้าทางอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เข้ามาหวดแต่ติดบล็อก
ก่อนจบเกม มาเน่ได้บอลก่อนเลี้ยงไปที่เส้นหลังแล้วพยายามตวัดเข้ามา แต่ติดบล็อก ลิเวอร์พูลได้เตะมุม แต่ถูกโหม่งออกมาก่อนที่กรรมการจะเป่าจบครึ่งแรก
เกมในครึ่งหลัง
รายชื่อนักเตะสำหรับครึ่งหลัง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟิลลิปส์, ฟาบินโญ่, โรเบิร์ตสัน, กรูยิช, โจนส์, ลัลลานา, ชากิรี, อิงส์ และสเตอร์ริดจ์
เกมดำเนินมาจนถึงนาที 59 สเตอร์ริดจ์ได้บอลที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนจะรีบตวัดยิง แต่ยังไม่ผ่านมือผู้รักษาประตู จากนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมา แบ็กขวาดาวรุ่งรายนี้ได้ผ่านบอลเข้าเขตโทษอีกครั้ง ก่อนที่อิงส์จะได้บอล และล้มตัวยิง แต่ก็ยังถูกบล็อก และเคลียร์ออกจากเส้นไปได้
คล็อปป์ส่งไคลน์ลงทาแทนอเล้กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในนาที 62
โตริโน่ได้ลำเลียงบอลขึ้นบุกในนาที 67 แต่อลิสสันรับลูกยิงเข้าซองได้อย่างสบาย
ในนาที 70 คล็อปป์เตรียมส่งเฮนเดอร์สันลงสนามมาแทนฟาบินโญ่
ลัลลานาเรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์เมื่อพยายามวิ่งไล่เข้าเพรสซิ่งสูงในนาที 71 ก่อนที่จะสกัดบอลออกหลัง ไม่ให้ทีมเยือนได้วางบอลยาวโต้กลับ
จากนั้นคล็อปป์ส่งคาริอุสลงสนามมาแทนอลิสสันในนาที 73
สเตอร์ริดจ์ได้โอกาสยิงอีกครั้งในนาที 76 หลังลัลลานาแตะบอลคืนมาให้ แต่วางเทาไม่ดี บอลโด่งไม่เข้ากรอบ
จากนั้นลัลลายาได้แทงบอลให้สเตอร์ริดจ์วิ่งทะลุเข้าไปในกรอบอีกครั้ง แต่ความพยายามของสเตอร์ริดจ์ที่จะป้ายบอลมาให้ชากิรีที่วิ่งขึ้นมาเติม น้ำหนักและทิศทางไม่ดีจึงถูกตัดบอลไปได้
สเตอร์ริดจ์ทำได้ใกล้เคียงอีกครั้งในนาที 82 หลังได้บอลจากลัลลานาและได้ยิง แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไป
ในที่สุดความพยายามของสเตอร์ริดจ์ก็เป็นผลในนาที 87 เมื่อได้บอลจากชากิรีที่หยอดมาให้อย่างเหมาะเหม็งก่อนโขกเข้าไปง่ายๆ ให้ลิเวอร์พูลนำ 3-1
คล็อปป์ส่งจอห์นสตันลงมาแทนฟิลิปส์ ในนาที 88 และกามาโช่ ลงมาแทนโจนส์ ก่อนที่กรรมการจะเป่าจบเกม และลิเวอร์พูลจบปรีซีซั่นนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง