ลิเวอร์พูลยังรักษาฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อสามารถบุกไปเก็บ 3 แต้ม จากคิง เพาเวอร์ สเตเดียม โดยอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 2-1 เก็บ 12 แต้มเต็ม จากการลงเล่น 4 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, มิลเนอร์, เฮนเดอร์สัน ©, ไวจ์นัลดุม, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่  

สำรอง: มินโญเลต์, เกอิต้า, สเตอร์ริดจ์, โมเรโน่, ลัลลานา, ชากิรี และมาติป  

Team News อัพเดตก่อนเกม:  จากการพูดคุยก่อนเกมการแข่งขัน บอสกล่าวว่า: "ผมคิดว่ามันเข้าใจได้สำหรับเกมวันนี้ เราต้องแข็งแกร่งสุดๆในทุกๆส่วนเนื่องจากเลสเตอร์เป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้ดี ดังนั้นเราจึงต้องตั้งรับให้ดีมากๆ, ทำให้รัดกุมอย่างแท้จริง และทำทุกๆสิ่งที่แตกต่าง มันจะช่วยเราเมื่อเด็กๆคุ้นเคยกับการทำสิ่งนี้"

"มิดฟิลด์ชุดนี้ลงเล่นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้นนั่นคือเหตุผล"

"ในทางกลับกันมันเกี่ยวกับความสด และอะไรแบบนั้น"

คล็อปป์เปลี่ยนแปลงเฮนเดอร์สัน แทนเกอิต้า จากทีมใน 3 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูล

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที 10 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
  • นาที 45 เฟอร์มิโน่โหม่งให้ลิเวอณืพูลนำ 0-2
  • นาที 63 เกซซัลยิงให้เลสเตอร์ตามมา 1-2

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 4 ของพรีเมียร์ลีกโดยมุ่งหวังรักษาสถิติต่อไป โดยเกมนี้เป็นเกมที่ 100 ของเจมส์ มิลเนอร์ ในสีเสื้อลิเวอร์พูล

ทีมเยือนพลาดโอกาสขึ้นนำตั้งแต่นาที 4 เมื่อเฟอร์มิโน่ได้บอลในกรอบ ก่อนจะยิงแต่โดนผู้รักษาประตูสกัดไว้ได้ ก่อนที่ซาลาห์จะเข้าซ้ำแต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ในจังหวะต่อมา ซาลาห์ส่งบอลให้เฟอร์มิโน่ที่วิ่งทะลุขึ้นมาทางกราบซ้า แต่บอลล้นไปทำให้เฟอร์มิโน่ไม่มีจังหวะยิง ก่อนที่จะถูกฉกบอลกลับไป

แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำในนาที 10 เมื่อโรเบิร์ตสันขึ้นบอลทางกราบซ้าย ก่อนจะตบเข้ากลาง มาเน่จับบอลได้ก่อนยิงสวนเข้าไป

เลสเตอร์บุกหนักหลังเสียประตู จนอลิสสันต้องออกแรงเซฟในนาที 23 เมื่อแม็คไกว์ผ่านบอลให้เกรย์ยิง อลิสสันล้มตัวเซฟด้วยมือขวา และในนาที 26 อลิสสันออกมาคว้าลูกเตะมุมไว้ได้

ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม เจ้าบ้านพยายามยิงไกล จากทั้งอัลไบรท์ตัน และแมดิสัน แต่บอลไม่เข้ากรอบ

หลังจากต่อบอลอย่างใจเย็น ซาลาห์ได้โอกาสยิงในนาที 44 แต่ชไมเคิ่ลปัดไว้ได้ทัน ก่อนที่จะได้เตะมุมติดต่อกันสองครั้ง ก่อนที่เฟอร์มิโน่จะโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย ก่อนกรรมการเป่าหมดครึ่งแรก

เกมในครึ่งหลัง

เลสเตอร์ยังเปิดเกมบุกไม่หยุดทันทีที่ลงครึ่งหลัง ตั้งแต่นาที 46 ที่เกซเซิลผ่านบอลเลยหน้าประตูลิเวอร์พูล และในนาที 50 ที่อลิสสันได้เซฟติดมือ รวมทั้งในนาที 52 โกเมซช่วยบล็อกจังหวะยิงสุดท้ายของแมดดิสันไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ฟาน ไดจ์ค ได้รับใบเหลืองในนาที 55 เมื่อเข้าสกัด เสียฟรีคิกนอกกรอบ แต่แมดดิสันยิงติดกำแพง จากนั้นเลสเตอร์ได้เตะมุม และเล่นสั้น ก่อนที่จะแทงบอลเข้ามาในกรอบ แต่อลิสสันคว้าบอลไว้ได้

ลิเวอร์พูลเล่นโต้กลับ หลังมิลเนอร์ได้บอล ก่อนผ่านให้ซาลาห์ แต่ซาลาห์พยามจะจ่ายกลับมาให้มิลเนอร์ ที่ไม่ได้ขึ้นมารับบอล ในนาที 58 ก่อนที่กองหลังเลสเตอร์จะเข้ามาเคลียร์บอลออกไป

ลิเวอร์พูลมาเสียประตูในนาที 63 เมื่อลิเวอร์พูลส่งบอลคืนหลัง อลิสสันวิ่งตามบอลไปที่เส้นหลัง ก่อนที่จะถูกแย่งบอลไป และสุดท้ายเกซซัลยิงเข้าไป

คล็อปป์เปลี่ยนทีมในนาที 70 โดยส่งชากิรี และเกอิต้า มาแทนซาลาห์ และเฮนเดอร์สัน

ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกในนาที 82 หลังชากิรีถูกสกัดล้มลงตรงบริเวณกราบขวา ก่อนมาเน่จะขึ้นโขก แต่ไม่เข้ากรอบ

ทีมเยือนพยายามเล่นเกมโต้กลับในนาที 85 เมื่อมาเน่ได้บอลขึ้นหน้า แต่เจ้าบ้านขึ้นมารับอย่างรวดเร็วทำให้ไม่มีจังหวะและโอกาสยิง และในนาที 86 เทรนต์ได้ยิง แต่ไม่เข้ากรอบ

ช่วงสองนาทีสุดท้ายก่อนทดเวลา เลสเตอร์บุกหนัก แต่ลิเวอร์พูลก็พยายามตั้งรับ และรอสวนกลับ ก่อนที่เมนดีจะทำฟาวล์มาเน่ ได้ใบเหลืองไป

คล็อปป์ส่งมาติปลงมาแทนเทรนต์ ในนาที 89 ก่อนกรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที

ฟาน ไดจ์ค ต้องสกัดลูกเปิดของชิเวลล์ในนาที 94 เลสเตอร์ได้เตะมุมในจังหวะสุดท้ายของเกม แต่ฟาน ไดจ์ค โหม่งเคลียร์ไว้ได้ ก่อนกรรมการเป่าหยุดเกมชั่วคราวเนื่องจากเกอิต้าถูกทำฟาวล์

และนั่นเป็นจังหวะสุดท้ายก่อนกรรมการจะเป่าหมดเวลา ลิเวอร์พูลเก็บ 12 แต้มเต็ม จากการลงเล่น 4 นัดในฤดูกาลนี้