ลิเวอร์พูลทำสถิติเก็บชัยชนะ 5 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ในเกมที่ไปเยือนท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เวมบลีย์ เมื่อสามารถเอาชนะเจ้าบ้านไปด้วยสกอร์ 2-1

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: 11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, มิลเนอร์ ©, ไวจ์นัลดุม, เกอิต้า, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่   

สำรอง: มินโญเลต์, ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน, สเตอร์ริดจ์, โมเรโน่, ชากิรี และมาติป   

Team News อัพเดตก่อนเกม:  คล็อปป์ปรับ 11 ตัวจริงในเกมนี้เพียง 1 ตำแหน่งจากฤดูกาลที่แล้ว โดยให้เกอิต้าออกสตาร์ทแทนที่เฮนเดอร์สัน นอกจกนั้นมีชื่อฟาบินโญ่เป็นตัวสำรอง

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  39 ไวจ์นัลดุมโหม่งให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0
  • นาที 54 เฟอร์มิโน่ยิงให้ลิเวอร์พูล 2-0
  • นาที 90+3 ลาเมล่ายิงให้สเปอร์สตามมา 1-2

เกมในครึ่งแรก

เกมที่ 5 ในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูล ต้องออกไปเยือนท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เพิ่งพ่ายเกมแรกให้กับวัตฟอร์ดในเกมก่อนพักเบรกทีมชาติ และในเกมนี้ยังเป็นเกมที่ 50 ของเทรนต์ที่เล่นให้กับลิเวอร์พูล

เริ่มเกมได้เพียงไม่ถึงนาที ลิเวอร์พูลสามารถส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายทีมเจ้าบ้าน จากจังหวะยิงของเฟอร์มิโน่ แต่ทว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า และในนาที 5 เทรนต์ได้ลองซัดฟรีคิก หลังจากมาเน่ถูกดึงล้ม แต่เข้าซองผู้รักษาประตู

นาที 21 ซาลาห์ได้โอกาสหลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ก็ยังตรงตัว

มาเน่ขึ้นเบียดโหม่งกับอิริกเซ่น กรรมการให้เป็นฟรีคิกในนาที 28 แต่อลิสสันล้มตัวคว้าไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา จากนั้นลิเวอร์พูลเสียเตะมุม แต่ฟาน ไดจ์ค โหม่งเคลียร์ไว้ได้

หลังจากต้องเล่นเกมรับอยู่สักพัก ลิเวอร์พูลได้โอกาสขึ้นบุกโดยมาเน่  ในนาที 36 แต่จังหวะยิงของมาเน่เบาไป

นาที 39 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูจากจังหวะโหม่งของไวจ์นัลดุม แม้จะถูกปัดออกมา แต่กรรมการได้รับสัญญาณเตือนว่าลูกบอลได้เข้าประตูไปแล้ว ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำไปก่อน 1-0 ก่อนจบครึ่งแรก

เกมในครึ่งหลัง

 เริ่มต้นครึ่งหลัง มาเน่ได้โอกาสยิงในนาที 49 หลังซาลาห์ฉกบอลมาได้จากกลางสนาม แต่ลูกยิงของมาเน่ถูกเซฟไว้ได้อย่างหวุดหวิด

แต่ในทางกลับกัน สเปอร์สก็ทำได้ใกล้เคียงจากจังหวะยิงของลูคัสที่เฉี่ยวโคนเสาออกไปเพียงนิดเดียว

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ 2-0 จากจังหวะที่มาเน่ได้บอลจากโรเบิร์ตสัน ก่อนขึ้นมาทางกราบซ้าย และตวัดเข้ามาแล้วถูกสกัด เฟอร์มิโน่ที่วิ่งถลำไปแล้ว กลับมายิงบอลให้เข้าประตูไปเพื่อความชัวร์

นาที 59 อลิสสันรับบอลที่มุมเสาได้ก่อนที่ผู้เล่นสเปอร์สจะเข้ามาซ้ำ

ทีมเยือนเล่นเกมโต้กลับโดยมาเน่ ก่อนที่จะไหลให้เกอิต้าที่เตรียมวางเท้ายิงในนาที 63 แต่ถูกเซฟไว้ได้ ก่อนที่ในจังหวะต่อมา เฟอร์มิโน่ได้บอล ก่อนที่จะแทงทะลุช่องให้ซาลาห์ แต่บอลแรงเกินไป

สเปอร์สบุกได้อย่างหวาดเสียวในนาที 66 แต่เคนไขว้ยิงไม่ตรงกรอบ แต่หลังจากนั้นลิเวอร์พูลพยายามเล่นเกมโต้กลับจากเฟอร์มิโน่ ผ่านบอลให้ซาลาห์ แต่จังหวะที่จะแทงบอลผ่านกลับโดนจับแฮนด์บอลไปก่อน

เกมหยุดชั่วคราวเนื่องจากเฟอร์มิโน่ต้องได้รับการปฐมพยาบาลเนื่องจากเลือดออกที่บริเวณเบ้าตา

คล็อปป์ส่งเฮนเดอร์สันมาแทนเฟอร์มิโน่ ในนาที 74

ช่วงนาที 80 ลิเวอร์พูลได้โอกาสติดต่อกันจากจังหวะที่ซาลาห์ปั่นด้วยซ้าย แต่ถูกทุบออกมา มาเน่ได้ซ้ำแต่ไม่เข้ากรอบ

คล็อปป์ส่งสเตอร์ริดจ์มาแทนเกอิต้าในนาที 83

ลาเมร่าได้โอกาสยิงในนาที 85 แต่บอลไม่ตรงกรอบ และในนาที 86 เคนได้โหม่ง แต่อลิสสันยังรับไว้ได้

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที

ลิเวอร์พูลได้โอกาสในช่วงท้ายเกมจากจังหวะที่สเตอร์ริดจ์พยายามต่อบอลให้มาเม่ แต่กรรมการให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน

แต่ลิเวอร์พูลมาเสียประตูในนาที 90+3 จากลูกยิงของลาเมล่าที่ยิงไกลเสียบเสา ตามมา 1-2 แต่ไม่ทัน กรรมการเป่าจบเกม ลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มได้สำเร็จ