ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์รับแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเสมอแบบไม่มีสกอร์ 0-0 โดยมาห์เรซพลาดจุดโทษท้ายเกม

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, โกเมซ, ลอฟเรน, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ไวจ์นัลดุม, มิลเนอร์, เฮนเดอร์สัน ©, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, ฟาบินโญ่, เกอิต้า, สเตอร์ริดจ์, ชากิรี, มาติป และอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์     

Team News อัพเดตก่อนเกม: ลอฟเรนได้โอกาสลงเป็นตัวจริงในเกมนี้ที่ลิเวอร์พูลเปลี่ยนแปลงทีมสองตำแหน่ง และเป็นการออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกเป็นเกมแรก โดยลงมาแทนอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในขณะที่เฮนเดอร์สันลงมาแทนเกอิต้า

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  85 มาห์เรซยิงจุดโทษพลาด

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลไม่ชนะทีมใดใน 3 นัดล่าสุดรวมทุกรายการ  ดังนั้นการทำปลงานในนัดนี้จึงมีความสำคัญ

ทีมเจ้าบ้านเริ่มเกมด้วยการขึ้นเพรสซิ่งสูง และเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว และสามารถสร้างสรรค์โอกาสได้ก่อนในนาที 4 เมื่อซาลาห์เกี่ยวบอลมายิงด้วยซ้าย แต่หลุดกรอบไปเพียงนิดเดียว และในนาที 7 มาเน่ได้บอลและพาไปถึงเล้นหลัง ก่อนที่จะตวัดกลับเข้ามา แต่เมนดีสกัดบอลไว้ได้ก่อนที่ซาลาห์จะเข้าถึง

โรเบิร์ตสันกระดกบอลหนีวอร์คเกอร์ ก่อนที่จะถูกสกัดบอลออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุม แต่เอแดร์สันออกมาคว้าลูกเตะมุมไว้ได้ ในนาที 10

สเตอร์ลิงได้บอลก่อนจะพยายามพาบอลเข้ากรอบ แต่ถูกบล็อกออกหลังไปได้ในนาที 14 ลิเวอร์พูลพยายามสวนเร็ว แต่สโตนสกัดบอลที่มิลเนอร์วางยาวโต้กลับไว้ได้ รวมทั้งในจังหวะที่เฮนเดอร์สันวางให้ซาลาห์วิ่งหลุดเข้าไปในนาที 17 ก็ยังแรงไปจนเข้ามือเอแดร์สัน

ในช่วงนาที 20 ลิเวอร์พูลต้องลงเล่นเกมรับอย่างหนัก โดยทั้งฟาน ไดจ์ค และลอฟเรน ต้องช่วยกันสกัดบอลที่นักเตะทีมเยือนเดินหน้าขึ้นเกมรุกเข้ามา

เกมหยุดชั่วคราวเนื่องจากมิลเนอร์เจ็บในนาที 28 คล็อปป์จึงส่งเกอิต้ามาแทนในนาที 30

ลิเวอร์พูลยังคงต้องเล่นเกมรับ ฟาน ไดจ์ค บล็อกลูกเปิดของซิลบาในนาที 38 ลอฟเรนโหม่งได้ แต่ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถเล่นเกมโต้กลับได้อย่างถนัด

เจ้าบ้านเสียฟรีคิกในนาที 44 เมื่อเฮนเดอร์สันทำฟาวล์ซิลวา แต่แนวรับลิเวอร์พูลยังเหนียวแน่น

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที

ซาลาห์ตอกส้นให้เฟอร์มิโน่ หลังได้บอลมาจากลอฟเรน ในนาที 45+1 แต่บอลแรงไปนิดเดียว และจากนั้นโกเมซฟาวล์สเตอร์ริ่ง เสียฟรีคิกกลางสนาม แต่ก็ถูกเฮนเดอร์สันเตะเคลียร์ออกมาได้

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลพยายามเร่มเกมเร็วทันทีเมื่อลงเล่นครึ่งหลัง แต่ยังต่อบอลกันไม่แม่น และในนาที 54 ลิเวอร์พูลได้โอกาสที่หน้าประตูโดยทั้งมาเน่ และเกอิต้าพยายามเข้าถึงบอลแต่ไม่มีโอกาสสับไก

แมนฯ ซิตี้ ได้โอกาสใกล้เคียงที่สุดในนาที 61 เมื่อมาห์เรซ ได้ยิงด้วยซ้าย บอลหนีมืออลิสสัน และหลุดกรอบออกไป จากนั้นมาห์เรซได้ยิงอีกครั้งในนาที 62 แต่เข้ามืออลิสสัน

ลิเวอร์พูลเองก็ได้บุกเช่นกันในนาที 63 และซาลาห์ได้ปั่น หลังจากโกเมซจ่ายบอลมาให้ ก่อนที่จะเข้ามือเอแดร์สัน จากนั้นซาลาห์ยิงฟรีคิก บอลโค้งเข้าหาประตูและลึกออกหลังไปในนาที 67 และในนาที 69 ซาลาห์ได้บอลวางมาจากโรเบิร์ตสัน แต่ยิงโด่งออกไป

คล็อปป์ส่งสเตอร์ริดจ์ลงมาแทนเฟอร์มิโน่ในนาที 72

ลอฟเรนสกัดเฆซุสได้อย่างเฉียบขาดในนาที 74  และในนาที 75 อลิสสันต้องเซฟ 2 จังหวะ หลังจากมาห์เรซได้เข้ายิงซ้ำ

ลิเวอร์พูลต้องเล่นเกมรับอีกครั้งในช่วงนาที 77 แต่เฆซุสยังไม่ผ่านลอฟเรน

โกเมซพาบอลหนีซาเน่ในนาที 79 ก่อนโยนให้สเตอร์ริดจ์ที่รอขึ้นโขกหน้าประตู แต่บอลเบาเกินไป

ฟาน ไดจ์ค เช้าสกัดซาเน่ ในนาที 85 กรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษ แต่มาห์เรซยิงโด่งออกไป ยังเสมอกัน 0-0

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที

โกเมซพยายามสาดบอลเข้าไปหน้ากรอบ แต่ก็ยังถูกแมนฯ ซิตี้สกัดออกมา ลิเวอร์พูลพยายามขึ้นเกม แต่ก็ยังไม่สามารถต่อบอลได้ และสุดท้ายผู้ตัดสินเป่าจบเกม ลิเวอร์พูลมี 20 แต้ม เท่าแมนฯ ซิตี้ และเชลซี แต่มีประตูได้เสียด้อยกว่าจึงอยู่อันดับที่ 3 และยืดสถิติไร้พ่ายในลีกต่อไป