ลิเวอร์พูลมาได้ประตูชัยในวินาทีสุดท้ายของเกม หลังโอริกีโหม่งประตูชัยให้ลิเวอร์พูลชนะเอฟเวอร์ตันไปด้วยสกอร์ 1-0 ที่แอนฟิลด์

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, ชากิรี, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, มิลเนอร์, เกอิต้า, สเตอร์ริดจ์, โมเรโน่, โอริกี และมาติป

Team News อัพเดตก่อนเกม: ชากิรีออกสตาร์ตในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี ที่ลิเวอร์พูลเปลี่ยนแปลงทีม 3 ตำแหน่ง โดยอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และฟาบินโญ่ กลับมาสู่ทีม 11 ตัวจริงเช่นเดียวกัน ในขณะที่ลอฟเรน ไม่มีชื่อ ส่วนมิลเนอร์มีชื่อบนม้านั่งสำรอง และเฮนเดอร์สันติดโทษแบน ทำให้ฟาน ไดจ์ค รับหน้าที่กัปตันในเกมนี้    

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  90+5 โอริกีโหม่งให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี นัดที่ 232 โดยรับการมาเยือนของทีมเอฟเวอร์ตัน ในนัดที่ 14 ของพรีเมียร์ลีก โดยต้องการเก็บสามแต้มเพื่อทำคะแนนไล่แมนฯ ซิตี้ และยืดสถิติไร้พ่ายตั้งแต่ต้นฤดูกาลออกไป

นาที 4 ลิเวอร์พูลเกือบเสียประตู แต่ลูกโหม่งของมีน่าจากจังหวะฟรีคิกของดิญเฉี่ยวออกไปเพียงนิดเดียว ในขณะที่ในนาที 7 ลิเวอร์พูลได้โอกาสบุกบ้าง แต่ลูกเปิดของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกสกัดออกหลังไปก่อน และในนาที 11 ซาลาห์แทงบอลยาว แต่เสียดายที่บอลแรงเกินไปสำหรับมาเน่ในการเข้าชาร์จ รวมทั้งในจังหวะต่อมาที่มาเน่ได้ยิง แต่ข้ามคาน หลังโรเบิร์ตสันขึ้นบีบสูง และจ่ายให้ซาลาห์ที่กระดกบอลให้จังหวะเดียว

มาเน่ได้จังหวะยิงติดต่อกันในนาที 12 หลังได้บอลยาวจากเทรนต์ แต่ยิงติดโคลแมนที่เข้ามาดักไว้ได้ และในนาที 14 ที่ซาลาห์หวดบอลไม่โดน หลังได้บอลจากโรเบิร์ตสันที่หนุนมาให้

หลังจากจังหวะที่ริชาร์ลิสันเลี้ยงบอลยาวและล้มลงในเขตโทษในนาที 17 เอฟเวอร์ตันใกล้เคียงการได้ประตูมากที่สุดในนาที 21 หลังจากแบร์นาร์ดเปิดบอลเข้ามาให้เพื่อนโหม่ง อลิสสันถลาเข้าไปบล็อกด้วยตัว ก่อนที่บอลกระดอนกำลังจะเข้า แต่โกเมซวิ่งมาสกัดบอลออกจากเส้นไว้ได้อย่างหวุดหวิด

เอฟเวอร์ตันเล่นเกมโต้กลับ หลังลุกยิงของเฟอร์มิโน่เข้าซองพิกฟอร์ด ในนาที 30 แต่ลูกยิงของริชาร์ลิสันถูกสกัดไว้ได้

พิกฟอร์ดโชว์ซูเปอร์เซฟบ้างในนาที 34 เมื่อเซฟลูกยิงของชากิรี จากนั้นวัลค็อตต์พยายามพาบอลหนีอลิสสันที่ออกมาตะปบโดนบอล แต่วัลค็อตต์ไม่มีจังหวะทำต่อ

จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลได้ทักทายก่อนในครึ่งหลัง จากจังหวะยิงไกลของซาลาห์ในนาที 48 ที่เฉี่ยวเสาออกไป และในนาที 50 แบร์นาร์ดต้องเข้ามาสกัดลูกเปิดของเทรนต์ออกไปก่อนที่บอลจะไปถึงนักเตะลิเวอร์พูล

มาเน่ได้ยิงด้วยซ้ายในนาที 53 หลังได้บอลมาจากเฟอร์มิโน่ แต่บอลหลุดกรอบออกไป และในนาที 60 มาเน่ออกบอลช้าไปเพียงนิดเดียวทำให้จังหวะพาบอลขึ้นหน้าเข้ากรอบเขตโทษเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน

ซิกูร์ดสันได้ยิงไกลในนาที 65 แต่อลิสสันรับเข้าซอง และในนาที 66 แบร์นาร์ดได้ปั่นด้วยขวา บอลไม่เข้ากรอบ

มาเน่เข้าไม่ถึงบอลที่โรเบิร์ตสันตวัดเข้ากลางมาในนาที 68  แต่ในจังหวะทีมเยือนสวยกลับ โกเมซต้องเข้าสกัด เสียฟรีคิก

คล็อปป์ส่งเกอิต้าลงมาแทนชากิรี ในนาที 71 และส่งสเตอร์ริดจ์ลงมาแทนซาลาห์

โกเมซเสียฟาวล์ริชาร์ลิสันในนาที 80 ได้รับใบเหลือง และเสียฟรีคิก และลิเวอร์พูลได้โต้กลับหลังสเตอร์ริดจ์วางบอลให้เฟอร์มิโน่กึ่งยิงกึ่งผ่าน บอลไหลผ่านหน้าประตูไปโดยที่มาเน่เข้าไม่ถึง

คล็อปป์ส่งโอริกีลงสนามแทนเฟอร์มิโน่ในนาที 84

โอริกีแตะนีก่อนเปิดเข้ามา แต่โคลแมนสกัดบอลออกไปก่อนที่มาเน่จะถึงบอลในนาที 87 ก่อนที่โอริกีจะยิงบอลชนคานในนาทีต่อมาหลังได้บอลจากจังหวะเตะมุม

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที

ในช่วง 90+2 สเตอร์ริดจ์ได้บอลในกรอบ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีจังหวะยิง โดนริชาร์ลิสันเบียดแย่งบอลไป

ลิเวอร์พูลมาได้ประตูอย่างน่าเหลือเชื่อในนาที 90+5 เมื่อลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก ลูกวอลเลย์ของฟาน ไดจค์ โด่งเข้ากรอบ พิกฟอร์ดปัดชนคาน บอลย้อยกลับมาโอริกีโหม่งเข้าไป

จากนั้นลิเวอร์พูลเสียลูกทุ่ม แต่เอฟเวอร์ตันไม่สามารถแก้ประตูคืนได้ กรรมการเป่าจบเกม ลิเวอร์พูลชนะไป 1-0 ทำแต้มไล่มาเป็น 36 คะแนน โดยตามซิตี้ 2 คะแนน