ลิเวอร์พูลยืดสถิติไร้พ่ายออกไปเป็นนัดที่ 16 ในพรีเมียร์ลีก เมื่อสามารถบุกไปเก็บสามแต้มที่บอร์นมัธ ด้วยสกอร์ 4-0 พร้อมแฮตทริกของโม ซาลาห์

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, มิลเนอร์ © , ไวจ์นัลดุม, เกอิต้า, ชากิรี, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่

สำรอง: มินโญเลต์, มาเน่, เฮนเดอร์สัน, สเตอร์ริดจ์, ลัลลานา, โอริกี และอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

Team News อัพเดตก่อนเกม:  โรเบิร์ตสันกลับมาสู่ 11 ตัวจริง ในขณะที่คล็อปป์เรียกใช้บริการฟาบินโญ่ และไวจ์นัลดุม ด้วยเช่นกัน รวมทั้งซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ กลับมาประจำการในแนวรุก โดยมาเน่ผ่านการทดสอบความฟิต มามีชื่อในม้านั่งสำรองเช่นกัน

และในเกมที่ 500 ในพรีเมียร์ลีกของมิลเนอร์ คล็อปป์วางให้เขารับหน้าที่ในตำแหน่งแบ็กขวา แทนอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งคล็อปป์ให้ความเห็นว่า “ไม่มีปัญหา ผมคิดว่ามันอาจจะมีปัญหา แต่แน่นอนว่าเขาอาจจะเล่นเป็นผู้รักษาประตูในเกมที่ 500 ของเขาก็ได้”

“เราจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น เราทั้งหมด ในช่วงเวลานี้ – ตำแหน่งที่แตกต่าง หน้าทีที่แตกต่างในเกม และมันเป็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ซึ่งมิลลีรู้ตั้งแต่ที่ต้องเล่นเป็นแบ็กซ้ายแล้ว

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  25 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที  48 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
  • นาที 68 คุกทำเข้าประตูตัวเองให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0
  • นาที 77 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 4-0

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 16 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยสถิติไร้พ่ายใน 15 นัดที่ผ่านมา โดยเกมนี้เป็นการเยือนบอร์นมัธ ของเอ็ดดี ฮาว

เกมใน 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังไม่มีโอกาสทำได้ใกล้เคียง เกมเป็นการลำเลียงบอล และสู้กันตรงกลางสนาม จนนาที 12 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกจากจังหวะแฮนด์บอลนอกกรอบ ชากิรีรับหน้าที่ยิง แต่บอลชนกำแพงออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุมต่อ และในนาที 14 ชากิรีพยายามกระดกบอลให้ซาลาห์ที่วิ่งสลัดการประกบ แต่เสียดายที่ยิงไม่เต็ม

บอร์นมัธได้จังหวะบุกเร็ว และเป็นบรูกส์ที่ได้ยิงในนาที 23 อลิสสันต้องพุ่งปัดออกหลัง

และในนาที 25 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 จากประตูของซาลาห์ เมื่อเข้าซ้ำลูกยิงของเฟอร์มิโน่เข้าไป  

บอร์นมัธบุกหนักเพื่อทวงประตูคืน และได้บุกสองครั้งติดต่อกัน แต่กองหลังลิเวอร์พูลช่วยกันสกัดเอาไว้ได้ จากนั้นในนาที 38 บอร์นมัธได้เตะมุมอีก แต่ก็ไม่มีจังหวะจะแจ้ง

อลิสสันอ่านเกมออกมาโหม่งเคลียร์บอลในนาที 44

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรกแค่เพียง 2 นาที ก่อนเป่าหมดพักครึ่ง

เกมในครึ่งหลัง

ไม่มีการเปลี่ยนตัวจากทางลิเวอร์พูลในครึ่งหลัง และมาได้ประตูขึ้นนำ 2-0 อย่างรวดเร็ว.นนาที 48  เมื่อซาลาห์ได้บอลจ่ายมาจากเฟอร์มิโน่ และเลี้ยงเข้าไปยิง แม้เกือบจะเสียหลักก็ตาม

บอร์นมัธได้โอกาสหน้าประตูในนาที 53 หลังอลิสสันพยายามออกมาบล็อกลูกยิง แต่ผู้เล่นบอร์นมัธเสียหลักล้ม และเล่นต่อไม่ได้

คล็อปป์ส่งมาเน่ลงมาแทนชากิรีในนาที 65 รวมทั้งลัลลานาลงมาแทนเกอิต้า

ลิเวอร์พูลเสียเตะมุมในนาที 67แต่มิลเนอร์เตะโด่งเคลียร์ออกไป ซาลาห์ได้บอลที่กลางสนามและพยายามพาบอลขึ้น ฟาบินโญ่ได้บอล แทงให้โรเบิร์ตสันก่อนที่จะตวัดเข้ากลาง และคุกเกี่ยวบอลเข้าประตูตัวเอง ลิเวอร์พูลนำ 3-0

บอร์นมัธได้ฟรีคิกในนาที 70 แต่อลิสสันพุ่งรับไว้ได้ไม่มีปัญหา แต่ในนาที 73 บอร์นมัธยิงเข้าไป กรรมการให้เป็นจังหวะล้ำหน้า

บอลยาวจากลัลลานา ซาลาห์ฉกบอลก่อนจะวิ่งเข้าไป และล็อกหลบสองจังหวะอย่างใจเย็นก่อนส่งบอลเข้าไป นับเป็นแฮตทริกที่สวยงาม และส่งให้ลิเวอร์พูลนำ 4-0

คล็อปป์ส่งเฮนเดอร์สันมาแทนเฟอร์มิโน่ ในนาที 81

เกมหยุดชั่วคราวในนาที 87 เมื่อลัลลานาถูกปะทะเลือดออกที่ศรีษะ และแพทย์สนามต้องเข้ามาปฐมพยาบาล และต้องออกจากสนามชั่วคราว

จากนั้นกรรมการทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที และลิเวอร์พูลเก้บ 3 แต้ม ขยับขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว 42 แต้ม