ลิเวอร์พูลเผชิญกับเกมน็อกเอาต์ในการเจอกับนาโปลีที่แอนฟิลด์ ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปียนส์ลีก ค่ำคืนนี้ และโดมินิก เรย์นอร์นักข่าวจากเว็บไซต์สโมสรได้สรุปการดวลกัน 3 จุดที่สำคัญ ที่น่าจะมีส่วนตัดสินผลการแข่งขัน...

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ v คาลิดู คูลิบาลี

คาลิดู คูลิบาลี เซนเตอร์แบ็กนาโปลีมีชื่อในโผลุ้นรางวัลทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟา และไม่น่าแปลกใจว่า ทำไม กองหลังส่วนสูง 6 ฟุต 4 นิ้วลงเล่นทุกนัดในเซเนกัลในฟุตบอลโลก และเป็นตัวจริง 20 เกมให้ทีมจากเนเปิลส์ทุกรายการในฤดูกาลนี้ ความเร็ว ส่วนสูง และการเล่นที่มีพลังทำให้เขาเป็นหัวใจในการตัดบอล และแย่งลูกกลางอากาศ

ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลที่แล้ว ไม่มีนักเตะคนไหนจ่ายบอลมากกว่าคูลิบาลีที่ 3,696 ครั้ง (สถิติจาก Whoscored) ในเซเรีย อา

แต่เขาจะต้องทำงานหนักในแอนฟิลด์กับโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวซัลโวของลิเวอร์พูลที่เพิ่งทำแฮตทริกในเกมชนะบอร์นมัธ 4-0 ที่ทำไปร่วม 12 ประตูในทุกรายการ หลังจากทำเกมฝั่งซ้ายในเกมแรกที่เจอกัน เขาน่าจะขึ้นมายืนหน้าเป้าเหมือนกับหลายเกมหลังของหงส์แดง และจากแผนภาพจะเห็นว่า เจ้าของเบอร์ 11 เป็นตัวเป้าหลักของเกมรุกหงส์แดง และต้องดวลกับคูลิบาลี่ในเกมนี้

นาบี เกอิต้า v อัลลัน

อัลลันลงเล่นมากที่สุดในทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ (1,533 นาที) เป็นรองแค่คูลิบาลี (1,800 นาที) ในฤดูกาลที่ 4 ของกองกลางตัวรับจอมเทคนิควัย 27 ปีกับทีม เขามีส่วนสำคัญมากขึ้น หลังจากจอร์จินโญ่ย้ายไปเชลซี โดยมีเพียงลูคัส บีเกลีย ของเอซี มิลาน ที่เข้าสกัดในเซเรีย อามากกว่าอัลลันที่ 3.9 ครั้ง แต่เขาขึ้นบอลในเกมรุกมากกว่า

อัลลันมีสถิติเลี้ยงบอลเฉลี่ยต่อเกม 1.6 ครั้งมากที่สุดในทีม และจ่ายบอลสำเร็จ 89.5 เปอร์เซ็นต์ และช่วยทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ และแน่นอนว่า การรับมือเกมรุกของหงส์แดงในค่ำคืนนี้ เขาจะเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ

เจอร์เก้น คล้อปป์ นายใหญ่หงส์แดงมีทางเลือกมากมายในแดนกลาง แต่นาบี เกอิต้าที่เล่นได้อย่างมีไดนามิก 2 เกมหลังสุด กำลังโชว์ฟอร์มได้เป็นที่จับตามองทั้งรุก และรับ เขาบล็อก และแย่งบอลกลับมาในเกมแซงชนะเบิร์นลีย์ 3-1 มากที่สุดในทีม (10 ครั้ง) ในส่วนของเกมรับ และยังยิงมากที่สุด (6) และเข้ากรอบ (4) มากกว่าเพื่อนร่วมทีม รวมถึงผ่านบอลแม่นยำ 93.2 เปอร์เซ็นต์ดีที่สุดในสนาม

พลังในการเล่นของดาวเตะกินีแสดงออกมาอีกครั้งในเกมถล่มบอร์นมัธ 4-0 และน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการลงเล่นเกมที่ต้องชนะในแอนฟิลด์ และใครชนะการปะทะกันของคู่นี้จะเป็นตัวคุมจังหวะของเกม

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค v ลอเรนโซ่ อินซินเญ่

กองหน้าชาวอิตาลีเป็นดาวเด่นของทีมในยุคอันเชล็อตติ เขาย้ายจากฝั่งซ้ายมาเป็นหน้าเป้า โดยนักเตะวัย 27 ปีทำไปแล้ว 10 ประตูจาก 19 เกมที่ลงเล่นให้ทีมบ้านเกิดในฤดูกาลนี้ โดย 9 ประตูมาจากตำแหน่งหลักในฐานะศูนย์หน้าตัวที่สอง รวมถึงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในเกมกับลิเวอร์พูล

ตำแหน่งของเขาช่วยให้มีส่วนในการสร้างเกม และเขาทำไปแล้ว 5 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ รวมถึง 2 จาก 2 เกมหลังสุด แม้ว่าจะฟอร์มฝืดทำประตูไม่ได้ใน 5 เกมหลังสุดก็ตาม

สถิติดังกล่าวเป็นสิ่งที่ฟาน ไดจ์ค หวังจะยืดมันออกไปในวันอังคาร แม้ว่าอินซินเญ่ที่ตัวเล็กน่าจะไม่อันตรายในเรื่องลูกกลางอากาศ แต่เขามีความเร็ว ลีลา และความชาญฉลาดในการเล่นที่จะทดสอบดาวเตะดัตช์ อย่างไรก็ตามกัปตันทีมชาติฮอลแลนด์ไม่ได้มีดีแค่รูปร่าง เขานำทีมด้วยสถิติค่าเฉลี่ยจ่ายบอล 77 ครั้งต่อเกม และยังอ่านเกมได้อย่างยอดเยี่ยม

เขายังมีความเร็วเมื่อจำเป็นต้องใช้ด้วย เมื่อครองสถิตินักเตะที่เร็วเป็นอันดับ 2 ในฤดูกาลนี้ที่ 21.5 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นรองแค่คู่หูอย่างโจ โกเมซที่มีค่าความเร็วที่ 21.6 ไมล์ต่อชั่วโมง

และการต่อสู้กันของคู่นี้แน่นอนว่าต้องน่าจับตามองเป็นอย่างมาก