วันนี้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว แฟนบอลลิเวอร์พูลได้รับของขวัญคริสต์มาสช้าไปเล็กน้อย เมื่อสโมสรเผยข่าวการบรรลุข้อตกลงของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ในการย้ายมาเล่นในแอนฟิลด์

แถลงการณ์สั้นๆ ถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ในเวลา 18.00 น. ของวันพุธที่ 27 ธันวาคม (ตามเวลาท้องถิ่น) พร้อมยืนยันว่าหงส์แดงเตรียมคว้าตัวเซ็นเตอร์แบ็กรายนี้จากเซาท์แฮมป์ตัน

รายงานดังกล่าวมาพร้อมกับภาพคุ้นตาในปัจจุบัน ซึ่งเป็นภาพของฟาน ไดจ์ค ชูเสื้อของลิเวอร์พูล โดยมีต้นคริสต์มาส เป็นแบ็คกราวด์ เพิ่มความจริงให้กับข่าวดังกล่าว

นักเตะวัย 27 ปี ย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ซึ่งตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา เขากลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของทีม และมีบทบาทสำคัญต่อการนำจ่าฝูงในเวลานี้ โดยเสียประตูไปเพียง 7 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ รวมทั้งกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่า ฟาน ไดจ์ค จะมีความเห็นกับ 12 เดือนในฐานะนักเตะหงส์แดงอย่าไร  เราได้ให้เจ้าของเสื้อเบอร์ 4 บอกเล่าเรื่องราวตลอดปีแรกในฐานะนักเตะลิเวอร์พูลด้วยตัวเอง

การเซ็นสัญญากับลิเวอร์พูล

เวอร์จิลเล่าถึงเหตุผลว่าทำไมเขาต้องการย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล...

มันยากที่จะเชื่อว่าผ่านไปแล้วหนึ่งปี นับตั้งแต่ผมตกลงที่จะย้ายมาลิเวอร์พูล แต่ผมยังจดจำทุกอย่างได้อย่างชัดเจนมาก

สำหรับนักเตะ การย้ายสโมสรเป็นการตัดสินใจที่สำคัญเสมอ และสำหรับผม มันก็ไม่แตกต่างเลย  ตอนที่ทุกๆ อย่างกำลังดำเนินไป และด็มีความสนใจจากลิเวอร์พูลเข้ามา คุณต้องคิดถึงทุกๆอย่าง นักเตะที่นั่น, คนที่ทำงานให้กับสโมสร, แฟนๆ, สเตเดียม, สนามซ้อม, ไลฟ์สไตล์ และทุกสิ่งทุกอย่าง

นอกจากนี้ยังรวมถึงที่ว่าผู้จัดการทีมเป็นอย่างไรในฐานะผู้จัดการทีม หรือเขาดูแลนักเตะอย่างไร แล้วแฟนบอลจะตอบสนองอย่างไรเมื่อผมย้ายมาร่วมทีม แล้วเล่นได้ดี หรือมีเกมที่แย่  และอะไรอื่นๆ

นี่คือเรื่องต่างๆ ทั้งหมดที่คุณต้องนำมาพิจารณา

ผมเคยมาเล่นที่นี่แล้วสองครั้ง ในฐานะผู้เล่นฝั่งตรงข้าม โดยครั้งแรกจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ตอนที่คริสเตียน(เบนเตเก้)โหม่งทำประตู และซาดิโอตีเสมอให้กับเซาท์แฮมป์ตัน ปีหลังจากนั้นเราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ แต่ผมได้รับบาดเจ็บ และผมไม่ได้ลงเล่นที่นี่ หลังจากนั้นในครั้งล่าสุดที่ผมอยู่ที่นี่ในฐานะคู่แข่ง ผมแพ้ 3-0 กับเซาท์แฮมป์ตัน

การลงเล่นที่แอนฟิลด์มักจะเป็นอะไรที่ผมรอคอย และสนุกสนานกับมัน ทุกๆ ครั้งที่ผมลงเล่นที่นี่ ผมเพลิดเพลินกับบรรยากาศ สเตเดียม พื้นสนามดีเยี่ยมเสมอ มันมักจะเป็นความรู้สึกที่ดีเมื่อคิดถึงการได้มาที่นี่

ความทรงจำแรกๆ สำหรับลิเวอร์พูลน่าจะเป็นตอนที่ผมเริ่มดูแชมเปียนส์ลีกตอนที่เป็นเด็ก เมื่อทีมดัตช์ลงเล่นในรายการนี้ ทีวีมักจะถ่ายทอดไฮไลต์จากเกมอื่นๆ เสมอ ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้จักลิเวอร์พูล

ผมจำไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นตอนไหน แต่ทุกคนต่างรู้จักลิเวอร์พูล นั่นไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือไม่ใช่เรื่องแปลก ลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และผมมีความสุขมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ และเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้

ความคิดทุกอย่างเหล่านี้เข้ามาอยู่ในใจของผมตอนที่ผมตัดสินใจที่จะมาที่นี่ ทุกๆ คนมีวิธีการที่แตกต่างในการก้าวสู่ความสำเร็จในอาชีพของพวกเขา นักเตะบางคนอาจจะไม่ได้สนใจอะไรมากเท่าไหร่นักว่านอกสนามเป็นอย่างไร แต่ผมเป็นแบบ ‘ทุกอย่างทั้งหมดต้องดี’ มากกว่า

ถ้าคุณพิจารณาสโมสรต่างๆ ที่ผมเคยเล่น โกรนิงเก้นเป็นสโมสรที่อบอุ่น โดยตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฮอลแลนด์ กับคนทั่วไปที่ติดดินมาก

เซลติกเหมือนกับครอบครัวเช่นกัน ทุกๆ คนอยู่ และหายใจด้วยกันเพื่อเซลติก และพวกเขายังเป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกด้วยแฟนบอลที่ยอดเยี่ยม เซาท์แฮมป์ตันคือสโมสรที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ผู้คนเป็นคนธรรมดา ที่ทำงานหนักอยู่เสมอ

ดังนั้น มันมีสิ่งที่อยู่ในใจของผมเสมอ ผมไม่ต้องการเล่นให้กับสโมสรตอนที่สิ่งต่างๆ เป็นไปในทางที่แย่ลง จนคุณไม่อาจจะพึ่งพวกเขาได้ หรือคุณไม่รู้สึกว่ามีคนให้การสนับสนุนคุณอยู่

ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่แท้จริง เมื่อมีผู้คนยืนหยัดอยู่ข้างหลังคุณไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการพวกเขา

ดังนั้น ในปีที่แล้ว ทุกอย่างที่ผมคาดหวังจากลิเวอร์พูลกลายเป็นความจริง ตามความจริงแล้ว บางอย่างนั้นดีกว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้

คนที่ทำงานให้กับสโมสร คนที่ทำงานที่เมลวู้ด ที่สเตเดียม และที่ไหนก็ตามต่างยอดเยี่ยมทั้งหมด ทุกอย่างงดงาม และมหัศจรรย์สำหรับผม

สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นไปได้ด้วยดีทั้งโดยส่วนตัว และสำหรับสโมสรเช่นกัน ซึ่งบางทีนั่นอาจมีส่วนช่วยในการปรับตัว ผู้คนต่างช่วยเหลือผมด้วยเช่นกัน มันรู้สึกเหมือนสโมสรคือครอบครัว และนั่นเป็นเรื่องที่ผมต้องการจริงๆ และชัดเจนว่ามันเกิดขึ้น