จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ไม่รู้สึกว่า ลิเวอร์พูลมีความกดดันเพิ่มใดๆ ก่อนเกมแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ แต่เมินการติดป้ายในฐานะ ‘ตัวเต็ง’ สำหรับเกมพบกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์

หลังจากฝึกซ้อมในมาร์เบย่าสิ้นสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หงส์แดงกลับมายังเมลวู้ด เพื่อเร่งเกียร์สำหรับเกมสำคัญกับสเปอร์สในมาดริดสุดสัปดาห์นี้ และไวจ์นัลดุมยืนยันว่า ทีมรู้สึกผ่อนคลายกับการเข้าชิงปีที่สองติดต่อกัน

และนี่คือหลากหลายประเด็นที่เจ้าของเสื้อเบอร์ 5 ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเมลวู้ดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา...

เขาจะลงเล่นในตำแหน่งตัวรุกสูงอีกครั้งในนัดชิงชนะหรือไม่ หากถ้าถูกสั่งให้ทำ...

ผมชอบเล่นในแดนกลาง แต่ถ้าผู้จัดการทีมต้องการให้ผมอยู่ตรงไหน ผมจะเล่นทุกๆ ที่ นั่นคือตำแหน่งที่แตกต่างออกไปในการลงสนาม และผมคิดว่า ดิว็อค หรือสเตอร์ริดจ์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า (ผม)! แต่อย่างที่ผมพูด ผู้จัดการทีมจะตัดสินใจว่า ผมจะลงเล่นตรงไหน และถ้าเขาต้องการให้ผมอยู่ตรงนั้น ผมจะเล่นตรงนั้น

ความสำคัญที่มีโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ฟิตสำหรับนัดชิงชนะเลิศ...

สำคัญจริงๆ เขาเป็นคนตั้งต้นเพรสซิ่งจากแดนหน้า และเราแค่พยายามทำตามเขา เช่นกันเมื่อเขาได้บอล เขาเหมือนกับกองกลางตัวพิเศษ

เขามีความสำคัญจริงๆ ทั้งสองทาง แม้แต่ตอนที่กองกลาง (คู่แข่ง) ครองบอล เขาจะพยายามเข้ามาทางด้านหลังเพื่อแย่งบอลจากพวกเขา เขาเป็นกองหลังตัวพิเศษ แต่ยังเป็นศูนย์หน้าเช่นเดียวกัน

เขารู้สึกถึงความกดดันใดๆ ก่อนเกมหรือไม่...

โดยส่วนตัวแล้วจริงๆ ผมไม่มีความกดดัน สำหรับผมมันเป็นแค่เพียงโอกาสที่จะคว้าแชมป์ เราแค่ต้องรอดูว่าเราจะตอบสนองวิธีไหนในฐานะทีม

มันมักจะง่ายกว่าเสมอที่จะพูดสำหรับตัวคุณเอง เพราะว่าผมคุมฟอร์มการเล่นของผม และทุกๆ อย่าง แต่ผมไม่สามารถคุมฟอร์มการเล่นของทั้งทีม

เราต้องทำให้แน่ใจว่า เราพร้อม และทุ่มเททุกอย่างเพื่อชนะเกมนี้ ถ้าเรามีความกดดัน เราจะต้องเห็นในวันเสาร์ แต่จนถึงตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทุกๆ คนผ่อนคลาย ผมไม่รู้สึกว่า เรามีความกดดัน

สิ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลคัมแบ็กกลับมาได้อย่างน่าทึ่งในการเจอกับบาร์เซโลนาในรอบรองชนะเลิศ...

ผมคิดว่า มันคือความเชื่อมั่น ผมคิดหลังจากความพ่ายแพ้ 0-3 ในสเปน (กับบาร์เซโลนา) ถ้าคุณไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงมันที่แอนฟิลด์ มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วในทันที เราเชื่อมั่นว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ และเช่นกันเป็นเพราะว่าเราเล่นในแอนฟิลด์

เรารู้ว่า ค่ำคืนแชมเปียนส์ลีกเป็นค่ำคืนที่พิเศษในแอนฟิลด์ และเราสามารถเอาชนะใครก็ได้ ถึงแม้จะแต้มต่างมากมาย

เราทำมันได้กับโรม่า กับ (แมนฯ)ซิตี้ ซิตี้เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก และเรายังคงเอาชนะในบ้าน 3-0 มันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป แต่ต่อให้กับบาร์เซโลโลนาก็มีความเชื่อมั่นที่จะชนะเกม 4-0

วิธีการที่เขาตอบสนองกับการหลุดตัวจริงในเกมเลกที่สองกับบาร์เซโลนา...

อย่างแรก มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังจริงๆ สำหรับตัวนักเตะเอง แต่ในท้ายที่สุดมันเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม เมื่อคุณเข้ามาคุณไม่ได้เล่นแค่เพื่อตัวเอง คุณเล่นเพื่อทีม คุณเล่นเพื่อกองเชียร์ คุณเล่นเพื่อสโมสร

ณ เวลานั้นคุณต้องลืมความผิดหวังที่คุณได้รับ และแค่พยายามทุ่มเททุกอย่างเพื่อทีม นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำ

เมื่อคุณลงเล่น คุณต้องลืมว่า คุณโกรธ เพราะว่าคุณกำลังลงเล่น คุณพยายามจะสนุกสนาน และคุณพยายามจะที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำ ในท้ายที่สุด ผมคิดว่าต่อให้ในฐานะนักเตะ คุณลืมว่าคุณนั่งบนม้านั่งสำรอง และความผิดหวังที่คุณมี ผมคิดว่านั่นเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะตอบสนอง

การที่ลิเวอร์พูล ‘เป็นต่อ’ ในนัดชิงชนะเลิศ...

พูดอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่คิดเกี่ยวกับตัวเต็ง หรือเรื่องอะไร (อย่างนี้) เพราะว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้  90 นาทีหรือไปจน 95 นาที ทั้งสองทีมจะมีโอกาสที่จะชนะเกม

ผมคิดว่า ทุกๆ คนให้เราเป็นต่อ เพราะว่าเราจบด้วยอันดับดีกว่าพวกเขาในลีก และเราชนะพวกเขาสองครั้ง แต่ผมคิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณดูเกมที่สองที่เราเล่นกับพวกเขา ในครึ่งหลังมันยากมากๆ

มันเป็นอยู่นานที่ดูเหมือนเกมจะจบที่ 1-1 แต่กับโชคนิดหน่อย เราได้ประตูที่สอง ถ้าคุณเปรียบเทียบระหว่างทั้งสองทีม มันเป็น 50/50 และทั้งสองทีมสามารถชนะเกมได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำมันสำคัญสำหรับเราที่จะเริ่มต้นเกมให้ดี โฟกัส และทุ่มเททุกอย่างที่เรามี

วิธีการที่เจอร์เก้น คล็อปป์ เตรียมพร้อมนักเตะ...

สำหรับวันแรกที่เรากลับมาอยู่ร่วมกับ เขาค่อนข้างตรงไปตรงมา และพูดในเรื่องโฟกัสที่ต้องมีกับแชมเปียนส์ลีกในตอนนี้ และเรากลับฝึกซ้อมหนัก

ในสเปน เรามีสัปดาห์ที่ดีในการฝึกซ้อม มันหนักมากกว่าปกติ เพราะว่าเราพักกันมา 2-3 วัน ดังนั้นมันเหมือนกับปรีซีซั่นเล็กๆ

ในทุกๆ อย่างเขาพยายามจะเตรียมเราให้พร้อมสำหรับนัดชิงชนะเลิศ แม้แต่กับกล่อง (ข้อความ) เขาอยากให้เรามีสมาธิ 100 เปอร์เซ็นต์กับทุกอย่างที่เราทำในสนาม

มันไม่แตกต่างกับสัปดาห์อื่นๆ ที่เรามี แต่เราได้พักไป 2-3 วัน ดังนั้นเราฝึกซ้อมหนักนิดหน่อยระหว่างสัปดาห์ที่เราอยู่ในสเปน

เช่นกัน เพราะว่าคุณมี 2-3 สัปดาห์ก่อนนัดชิงชนะเลิศ คุณฝึกซ้อมแตกต่างออกไป คุณพยายามฝึกซ้อมหนัก เพราะว่าคุณไม่ได้มีสองเกมระหว่างเกมนั้น เรามีจังหวะ เราฝึกซ้อมด้านสภาพร่างกายน้อย และเล่นเกมมากขึ้น แต่เราไม่ได้มีมากมายในตอนนี้ ดังนั้นคุณต้องซ้อมหนักกว่าปกติหน่อย

ความสัมพันธ์กับมุสซ่า ซิสโซโก้ของท็อตแนม...

พูดตามตรง กับมุสซ่าผมมีความสัมพันธ์ที่ดีจากตอนอยู่กับนิวคาสเซิล ตอนที่ผมมาที่นี่เขาเป็นนักเตะคนแรกที่พาผมไปหาอะไรกินกันข้างนอก ซึ่งมันไม่มีเลยแม้แต่นักเตะดัตช์ แม้จะมีนักเตะดัตช์หลายคนที่นั่น!

ตั้งแต่ช่วงเวลานั้น ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ กับเขา เขามาที่บ้านผมหลายๆ ครั้งในนิวคาสเซิล และแม้แต่ตอนที่เราแยกย้าย ตอนที่เขาไปอยู่กับท็อตแนม และผมมาลิเวอร์พูล เรายังคงพูดคุยกัน

เรายินดีกันและกันเกี่ยวกับ (การเข้าถึง) รอบชิงชนะเลิศ แต่ในนัดชิงชนะเลิศเราจะไม่เป็นเพื่อนกันไป 95 นาที และหลังจากนั้นเราจะพูดคุยกันอีกครั้ง เขาเป็นเพื่อนที่พิเศษ เพราะอย่างที่ผมพูด ตอนที่ผมอยู่ที่นิวคาสเซิล เขาเป็นนักเตะที่ช่วยให้ผมปรับตัวเข้ากับที่นั่น

บทบาทของเขา และดิว็อค โอริกีในชัยชนะเหนือบาร์เซโลนา...

โดยส่วนตัวผมคิดว่าทุกๆ คนเป็นหัวใจสำคัญในรอบชิงชนะเลิศ เพราะว่าคุณต้องทันในฐานะทีม จะดีกว่าถ้าเพื่อนร่วมทีมของคุณโชว์ฟอร์ม ทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับตัวคุณเองที่จะโชว์ฟอร์ม ทุกๆ คนคือฮีโร่ในเคสนี้ (กับบาร์เซโลนา)

คนมากมายพูดเกี่ยวกับดิว็อค และผม เพราะว่าเราทำประตูกันได้ แต่กองหลังทีตั้งรับเมสซี่ได้ดี กองกลางที่ทำได้ดีมาก และเช่นกันกับตัวรุก

ดิว็อค และผมยังได้แอสซิสต์ในการทำประตู  ซึ่งเช่นกันที่ผู้คนที่ทำแอสซิสต์ต่างเป็นฮีโร่ ในฐานะทีมโดยรวม มันเป็นฟอร์มการเล่นที่ดีของทีม และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องชื่นชมทุกคน ไม่เพียงแต่นักเตะที่ทำประตูได้

หลายๆ ครั้งไม่แค่ตอนนี้ แต่ในหลายๆ เกม พวกเขาพูดเกี่ยวกับนักเตะที่ทำประตูได้ แต่คุณยังมีนักเตะคนอื่นๆ ในสนาม

กับบาร์เซโลนา มีนักเตะหลายคนที่ทำงานของพวกเขา อลิสสันมีเซฟที่ดีจริงๆ หลายครั้ง ฟูลแบ็กทำได้ดี กองกลางทีมได้ดี และทุกคนทำได้ดี

แต่เพราะว่าดิว็อค และผมทำประตูได้ ทุกคนจะยกย่องเรา ผมไม่คิดว่ามันจะแฟร์กับทีมทั้งหมด เพราะว่ามันคือฟอร์มของทีมที่ช่วยให้บรรลุความสำเร็จในการคัมแบ็กจากความพ่ายแพ้ 0-3 และชนะ 4-0 ผมคิดว่าเราทำมันทุกอย่างร่วมกัน

ลิเวอร์พูลสามารถใช้ประสบการณ์จากนัดชิงชนะเลิศปีที่แล้ว หรือมันจะส่งผลต่อจิตใจของนักเตะ...

ทุกๆ อย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในปีที่แล้วจะช่วยเราในปีนี้

เราผ่านประสบการณ์ในนัดชิงชนะเลิศมากกว่าหนึ่งเกม เราเคยเล่นในนัดชิงชนะเลิศ และเราจะนำประสบการณ์ที่ได้มาใช้ในนัดชิงชนะเลิศปีนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะนำนัดชิงชนะเลิศนี้ไปสู่จุดจบที่ดี

ทุกๆ อย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ผมไม่คิดว่าเราจะประหม่า หรือคิดว่าเรื่องต่างๆ จะเกิดขึ้นกับเราถ้าพูดตรงๆ เรารับมันมายิ่งกว่าประสบการณ์ และมันเป็นบางสิ่ง (การทำพลาด) ที่เราจะต้องไม่กลัว

ข้อความของเขาถึงแฟนบอลลิเวอร์พูล...

ข้อความถึงแฟนๆ? ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของพวกคุณ! เพราะว่าแฟนๆ ทำให้มันเกิดขึ้น พวกเขาทำให้มันเป็นไปได้ที่จะชนะเกมนั้นที่แอนฟิลด์ 4-0 ผมคิดว่ามันจะเป็นแนวทางที่ยากยิ่งขึ้น ถ้าเราเล่นเกมนั้นที่อื่น

ระหว่างฤดูกาลทั้งหมดพวกเขาให้กำลังใจเราเป็นอย่างดี แม้แต่หลังจากผลการแข่งขันที่เลวร้ายพวกเขายังคงสนับสนุนเรา มันเป็นคำชมเชยสำหรับแฟนๆ ผมไม่รู้สิ่งที่จะพูดกับแฟนๆ ที่ไม่มีตั๋ว มันยากมาก และอะไรที่ผมจะพูดกับพวกเขาได้?

นั่นคือคุณรู้สึกเสียใจ (กับพวกเขา) หรืออะไรบางอย่าง? ผมรู้สึกเสียใจ (กับพวกเขา) ทุกๆ คนคู่ควรจะไปอยู่ที่นั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณสนับสนุนทีมของคุณมาตลอดทั้งฤดูกาล แต่นั่นเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมได้

ถ้ามีตั๋วจำนวนมาก ผมคิดว่ายูฟาคงตัดสินใจว่าตั๋วจะไปอยู่ที่ไหน ซึ่งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราในเรื่องที่ทุกคนจะต้องได้ตั๋ว ถ้าผมมีผมก็อยากจะให้ แต่โชคร้ายมากที่ผมไม่มีมัน