ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 สำเร็จ หลังเอาชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไปด้วยสกอร์ 2-0

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาน ไดจ์ค, มาติป, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, เฮนเดอร์สัน ©, ไวจ์นัลดุม, ซาลาห์, มาเน่, และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: มินโญเลต์, ลอฟเรน, มิลเนอร์, โกเมซ, สเตอร์ริดจ์, โมเรโน่, ลัลลานา, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ชากิรี, บริวสเตอร์, โอริกี และเคลเลเฮอร์


Team News อัพเดตก่อนเกม: เฟอร์มิโน่กลับมาเป็นตัวจริงในเกมนี้ หลังหายจากการบาดเจ็บ นอกจากนี้ในจุดื่นๆ เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม และฟาบินโญ่ ได้สตาร์ทในตำแหน่งมิดฟิลด์ และในเกมนี้ยูฟ่าให้ทีมสามารถส่งรายชื่อตัวสำรองได้ 12 คน    

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที  2 ซาลาห์ยิงจุดโทษเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 88 โอริกียิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0

เกมในครึ่งแรก

เกมในรอบชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก ที่สนามเอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน มีเดิมพันเป็นถ้วยแชมป์ของยุโรป โดยก่อนเริ่มเกม มีการยืนไว้อาลัย โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

เกมที่น่าตื่นเต้นในกรุงมาดริดนาที 1 ลิเวอร์พูลได้จุดโทษหลังมาเน่ผ่านบอลเข้ากรอบและเป็นแฮนด์บอล ซึ่งโม ซาลาห์ ยิงเข้าประตูไปให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ในนาที 2

แต่ในนาที 5 สเปอร์สได้เตะมุม แต่ลิเวอร์พูลช่วยกันเคลียร์ออกมาได้ แต่หลังจากนั้นสเปอร์สเข้ากดดันลิเวอร์พูลเป็นระลอก

แต่ลิเวอร์พูลก็ได้ขโมยจังหวะได้ และทำให้เทรนต์ได้ยิงไกลในนาที 17 เสียดายที่บอลเฉี่ยวเสาไกลออกไป และในนาที 21 ซาลาห์ได้ตั้งป้อมยิง แต่แฉลบออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุมอีกครั้งในนาที 24 หลังมาเน่พาบอลไปถึงเส้นหลังแต่โดนสกัดออก

เมื่อเกมผ่านมาได้ครึ่งชั่วโมงลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกหลังมาเน่โดนผลัก แต่บอลแรงเกินไป และในนาที 39 ยอริสต้องออกแรงปัดลูกยิงของโรเบิร์ตสันออกหลัง ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม แต่จังหวะสองที่ซาลาห์ยิงไม่เต็ม บอลเหินข้ามคานออกไป

ในช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลตัดบอลได้ ก่อนที่เทรนต์จะเปิดและแฉลบออกหลัง ลิเวอร์พูลได้เตะมุมสองครั้ง แต่ยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที และอีริคเซ่นได้ยิงนอกกรอบ และนั่นเป็นจังหวะสุดท้ายของเกมในครึ่งแรก

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวในครึ่งหลัง แต่ซาลาห์ก็มีโอกาสได้บอลในกรอบ ในนาที 54 แต่ยิงไปติด และในขณะเดียวกันสเปอร์สก็มีโอกาสเล่นโต้กลับเร็วเช่นกัน และได้กดดันอย่างต่อเนื่องด้วยลูกเตะมุม

แต่ในนาที 58 คล็อปป์ส่งโอริกีลงมาแทนเฟอร์มิโน่ และในนาที 62 คล็อปป์ส่งมิลเนอร์มาแทนไวจ์นัลดุม

ลิเวอร์พูลได้ทำเกมขึ้นมาอย่างสวย ก่อนที่เทรนต์จะเปิดเข้ากลาง แต่ถูกโหม่งออกหลังไปในนาที 68  และในนาที 69 มิลเนอร์ได้โอกาสยิง และใกล้เคียงมาก เพราะเฉี่ยวโคนเสาออกไปเพียงนิดเดียว หลังได้บอลจากมาเน่ที่ลากเลื้อยบอลเข้าไป

สเปอร์สได้โอกาสจากอัลลีในนาที 72 ที่หยอดบอลหวังเข้าสามเหลี่ยม แต่อลิสสันกระโดดตะครุบไว้ได้ รวมทั้งจังหวะที่ซอนพยายามเปิดในนาที 75 แต่ฟาน ไดจ์ค เข้ามาตัดบอลไว้ได้ทันเวลา ก่อนที่อัลลีจะได้ขึ้นโหม่งอีกครั้งในนาที 78

อลิสสันต้องพุ่งเซฟในนาที 80 จากจังหวะยิงของซอน และลูคัส ก่อนที่สเปอร์สจะได้ฟรีคิกในนาที 84 หลังมิลเนอร์เข้าฟาวล์ลูคัสที่ตรงเส้นบริเวณกรอบเขตโทษ ก่อนที่อลิสสันจะเซฟอีกครั้งในนาที 85 และลิเวอร์พูลเสียเตะมุม แต่สุดท้ายสเปอร์สโหม่งข้ามคานออกไป

ลูกเปิดของโรเบิร์ตสันแฉลบออกหลังในนาที 87 แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูจากโอริกีในนาที 88 ให้ทีมนำ 2-0

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที และสเปอร์สไม่สามารถแก้คืนมาได้ ลิเวอร์พูลจึงคว้าแชมป์ไปได้อย่างงดงาม