การทำประตูเพิ่มเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ต้องการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในเกมการเล่น หลังจากสร้างสถิติทำแอสซิสต์ของกองหลังในฤดูกาล 2018-19 ที่ผ่านมา

“การทำประตูให้มากขึ้นเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่จะปรับปรุง” อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กล่าวกับเดลีเมล

“ฟูลแบ็กสมัยใหม่จำเป็นต้องเล่นเกมรุกมากขึ้น เพิ่มทางเลือกให้กับทีมให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์โอกาส จ่ายบอล แทงบอลทะลุ แล้วทำไมจะไม่ก้าวไปอีกขึ้นด้วยการทำอีก 4-5 ประตูเพื่อช่วยเหลือทีม?”

นักเตะวัย 20 ปีหวังว่าการทำประตูจะไม่ส่งผลกระทบต่อภารกิจในเกมรับ อย่างที่เขาพยายามหาสมดุลจากต้นแบบ 2 คนในการเล่น

“เมื่อผมศึกษาเกี่ยวกับฟูลแบ็ก มันมักจะเป็นจากฟิลิปป์ ลาห์ม และดานี อัลเวส” เขาอธิบาย

“สำหรับผมคืออัลเวส เขาเป็นนักเตะที่เล่นเกมรุกได้อย่างดุดัน เหนียวแน่นในส่วนของเกมรับ แต่ยังขึ้นเกมรุกได้อย่างชาญฉลาด แทบจะเหมือนกับปีก ทำหลายๆ อย่างให้มันเกิดขึ้น”

“นักวิเคราะห์ของเราได้ตัดคลิปการเล่นที่ยอดเยี่ยมของอัลเวสตลอดทั้งฤดูกาลให้ผมศึกษา การยืนตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ การตัดสินใจ การวิ่ง ผมโฟกัสเกี่ยวกับเกมรับของลาห์มมากกว่า และอัลเวสจะเป็นส่วนของเกมรุก”

“ผมสนุกกับในส่วนในเกมรุกของฟูลแบ็กมากกว่า แต่ผมเข้าใจว่าในส่วนของเกมรับมีความสำคัญมากกว่า ถ้าไม่มีรากฐานการเล่นที่เหนียวแน่น คุณจะตกเป็นรองในส่วนของจำนวนไม่ว่าจะเป็น 5-4, 4-3 และเราไม่ต้องการอย่างนั้น”

“ผมรู้ว่าตัวเองยังคงต้องเรียนรู้ ผมรู้สึกว่ามีหลายๆ ครั้งๆ ที่อาจจะในเกมที่ผมจะทำบางอย่างได้ดี และคิดว่าในฤดูกาลที่แล้ว ผมอาจจะทำได้ไม่ดีนักในเรื่องของการยืนตำแหน่ง”

“ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้รับการยอมรับในห้องแต่งตัวในตอนนี้ ความเคารพเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องสร้างขึ้น ไม่ใช่แค่แบมือขอ”

“ผมเป็นเด็กขี้อาย และพูดไม่เก่งเลย และผมแค่อยากจะเล่นฟุตบอล ตอนนี้ผมลงแล่น และหยอกล้อกับเพื่อนคนอื่นๆ เราจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อภิปรายเกี่ยวกับเกม ความเป็นไปต่างๆ ในชีวิต”

“และความรู้สึกที่มีบทบาทมากขึ้นในกลุ่มนักเตะ ทีม แลละพยายามยอมรับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และเรียนรู้จากนักเตะรุ่นใหญ่รอบตัวผมที่เป็นมืออาชีพชั้นแนวหน้า และพยายามจะกลายเป็นแบบที่พวกเขาเป็น”

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เป็นส่วนหนึ่งในทีมที่แก้ตัวจากความปราชัยในนัดชิงแชมเปียนส์ลีก และกลับมาคว้าแชมป์ในมาดริดช่วงซัมเมอร์ รวมถึงการเก็บ 97 แต้มในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว แต่การพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกเพียงแต้มเดียวเป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้เช่นกัน โดยเฉพาะจากแมนฯ ซิตี้

“เมื่อคุณผ่านมาได้อย่างนั้น การที่เกือบจะชนะอะไรบางอย่าง มันออกได้สองทาง มันหลอกหลอนคุณก็ได้ และทิ้งความทรงจำต่างๆ ที่เลวร้าย หรือคุณสามารถใช้มันเป็นแรงกระตุ้นเช่นกัน”

“ตัวอย่างที่ดีที่สุด คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในแชมเปียนส์ลรีก นัดชิงชนะเลิศในเคียฟปี 2018 ที่เราแพ้ต่อเรอัลมาดริด และสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่แล้ว”

“เราเรียนรู้จากเคียฟ และเราใช้มันในฤดูกาลที่แล้วเพื่อให้เราผ่านเกมสำคัญๆ เก็บผลการแข่งขันที่ดีในเกมต่างๆ เราเรียนรู้จากมาดริด และวิธีการเอาชนะเกมต่างๆ และเราใช้มันในเกมลีกฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงแชมเปียนส์ลีก”

“ผมแน่ใจว่าเราได้อะไรหลายอย่างจากการที่ซิตี้ได้แชมป์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาแสดงให้ถึงวิธีการเก็บชัยชนะว่าทำกันอย่างไร พวกเขามีความเด็ดขาดมาก”

“การพลาดแชมป์ลีกเป็นความรู้สึกแย่ที่สุดเท่าที่เราจะรู้สึกได้ในเกมฟุตบอล การเกือบได้แชมป์สร้างความรู้สึกว่าเราได้ทำบางอย่างได้สำเร็จ ทำให้ครอบครัวของคุณภาคภูมิใจ และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที คุณรู้สึกว่าคุณทำให้ทุกคนในโลกผิดหวัง คุณรู้สึกว่าคุณไม่ดีพอ”

“มันเป็นเรื่องที่เราต้องพูดถึงกันทันทีหลังจากจบฤดูกาลที่แล้ว มันเป็นแรงกระตุ้นที่จะไม่ต้องรู้สึกอย่างนั้นอีกครั้ง”