ลิเวอร์พูลในฐานะแชมป์ยุโรปจะกลับมาลงเล่นที่แอนฟิลด์ในแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในค่ำคืนวันพุธนี้ หลังจากไม่แพ้ 22 เกมติดต่อกันในแอนฟิลด์ รวมถึงเกมแห่งความทรงจำที่ชนะบาร์เซโลนา 4-0

อย่างไรก็ตามการเจอกับทีมแชมป์จากออสเรียที่ถล่มเกงค์ 6-2 ในเกมนัดแรก นำจ่าฝูงกลุ่ม อี จะเป็นงานหนัก ไม่น้อย และนี่คือ 3 กุญแจสำคัญที่จะตัดสินเกม...

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค v เออร์ลิง ฮาแลนด์

ฟาน ไดจ์ค กวาดรางวัลมากมายในฤดูกาลที่ผ่านมา และเขายังรักษาความยอดเยี่ยมทั้งในเกมรับ และยังจ่ายบอลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทั้งพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้จนถึงตอนนี้ ไม่รวมที่เพิ่งช่วยทีมเก็บคลีนชีต และเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมเจอกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สดๆ ร้อนๆ

เขาจะพบกับกองหน้าฟอร์มร้อนอย่างฮาแลนด์ที่ทำสถิติอายุน้อยที่สดเป็นอันดับ 3 ในการทำแฮตทริกในแชมเปียนส์ลีก ด้วยวัยเพียง 19 ปี และ58 วันจากเกมนัดแรก ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญเมื่อมันเป็นแฮตทริกที่ 4 ของเขาในฤดูกาลนี้ โดยเขาทำไปแล้ว 17 ประตูจากการลงเล่น 10 เกม

น่าแปลกตรงที่แม้จะสูงถึง 6 ฟุต 3 นิ้ว แต่ 3 ประตูในเกมดังกล่าวไม่ได้มาจากลูกกลางอากาศเลย และแสดงให้เห็นถึงการใช้เท้าได้อย่างยอดเยี่ยม กองหน้านอร์เวย์สามารถยืนเป็นหน้าเป้า หรือหน้าต่ำได้อย่างไร้ปัญหา และเขาจะเป็นคนที่ได้รับการจับตามองในเกมที่แอนฟิลด์

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน v โดมินิค โซบอสสไล

โซบอสสไล กองหน้าทีมชาติฮังการีเป็นหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์สูงในซัลซ์บวร์ก ที่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ในการเล่น และความสามารถเกินอายุ เขายังมีทีเด็กในการเล่นลูกฟรีคิก หลังเพิ่งทำประตูให้ทีมชาติในเกมกับสโลวาเกีย แถมยังทำไป 3 ประตู และ 3 แอสซิสต์จาก 10 เกมในฤดูกาลนี้ และมีความอันตรายจากลูกครอสริมเส้นด้านซ้าย ทั้งยังตัดเข้ามากลางเพื่อทำประตู

เกมนี้มีโอกาสที่เขาจะเผชิญหน้ากับเฮนเดอร์สันที่มักจะได้ยืนฝั่งขวาในแดนกลาง 3 ตัว แม้ก่อนหน้านี้เขามักจะได้ยืนเป็นตัวรับ แต่กลับมาเล่นเกมรุกมากขึ้นในระยะหลัง  และทำให้เขามีความหลากหลายทั้งในเกมรุก และเกมรับ โดยเกมเยือนนาโปลี เขาตัดบอล และจ่ายบอลในแดนของคู่แข่งหลายครั้ง และยังมีความสามารถเล่นเกมโต้กลับ และเล่นได้อันตรายดวยตัวเองอีกด้วย

โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ v อันเดร รามัลโญ่

ซัลซ์บวร์กเก็บแชมป์ลีกออสเตรีย 6 สมัยติดต่อกัน โดยมีกองหลังบราซิลเป็นแกนหลัก 4 ฤดูกาล ขณะที่เขาอยู่กับทีมเป็นรอบที่สอง หลังจากย้ายกลับมาจากเลเวอร์คูเซนในเดือนมกราคม 2018 นักเตะวัย 27 ปีเป็นกองหลังที่มีส่วนกับการเล่นของทีม กำหนดจังหวะ และการกระจายบอล เขาลงเล่นมากกว่าใครในบรรดานักเตะเอาท์ฟิลด์ในฤดูกาลนี้ และทำไป 3 ประตูกับ 1 แอสซิสต์

เกมนี้รามัลโญ่อาจจะไม่ได้มีส่ว่นในการขึ้นเกมที่แอนฟิลด์มากนัก เมื่อต้องเจอการไล่ล่าจากเฟอร์มิโน่เพื่อนร่วมชาติ เจ้าของเสื้อเบอร์ 9 มีลูกเล่นที่สร้างความปั่นป่วนให้กับกองหลังในพรีเมียร์ลีกมาแล้วมากมาย และเก็บเข้ากระเป๋าไป 3 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้

ในยุโรป เฟอร์มิโน่ลงเล่น 42 จาก 43 เกมภายใต้การคุมทีมของคคล็อปป์ และอยู่ในอันดับ 3 ตลอดกาลในยูโรเปียน คัพ ของลิเวอร์พูลที่ 15 ประตูเป็นรองเพียงสตีเวน เจอร์ราร์ด (30) และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ (16)

การดวลกันของสองนักเตะบราซิลในเกมนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของเกมการแข่งขัน