ลิเวอร์พูลต้องพยายามอย่างหนักในการเก็บชัยชนะนัดแรกแชมเปียนส์ลีก ในเกมที่เอาชนะซัลซ์บวร์ก 4-3 ที่แอนฟิลด์ ในรอบแบ่งกลุ่ม อี

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อาเดรียน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน ©, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ 

สำรอง: เคลเลเฮอร์, ลอฟเรน, มิลเนอร์, เกอิต้า, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ลัลลานา, และโอริกี


อัพเดตทีม: ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตำแหน่งเดียวจากเกมชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ โดยโกเมซ มาแทนมาติป และเกอิต้ามีชื่อมาเป็นตัวสำรอง


จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที 8 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • นาที 25 โรเบิร์ตสันยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0
  • นาที 36 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0
  • นาที 39 วาง ฮี ชาน ยิงให้ซัลซ์บวร์กตามมา 3-1
  • นาที 55 มินามีโน่ยิงให้ซัลซ์บวร์กตามมา 3-2
  • นาที 60 ฮาลันด์ยิงให้ซัลซ์บวร์กตีเสมอ 3-3
  • นาที 69 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 4-3

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 2 ในแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม อี โดยต้องการเก็บชัยชนะให้ได้หลังจากออกไปพ่ายนาโปลีในนัดแรก และลิเวอร์พูลก็ขึ้นนำ 1-0 ในนาที 8 เมื่อเฟอร์มิโน่แทงบอลให้มาเน่ลากเข้าไปยิงเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากขึ้นนำ ลิเวอร์พูลมาได้อีกประตูอีกครั้งในนาที 25 เมื่อโรเบิร์ตสันได้บอลจากเทรนต์ ก่อนยิงด้วยซ้ายเข้าไปให้ทีมนำ 2-0

ซาลาห์ได้โอกาสยิงในนาที 30 หลังได้บอลยาววางมาจากหลังจากฟาบินโญ่ แต่น่าเสียดายที่ยิงไม่เข้ากรอบ แต่เพียง 6 นาทีหลังจากนั้น ซาลาห์ก็ทำประตูให้ลิเวอร์พูลนำ 3-0 จากจังหวะที่เฟอร์มิโน่โหม่ง และผู้รักษาประตูปัดออกมาเข้าทางซาลาห์ยิงเข้าไปให้ทีมนำห่าง

หลังจากถูกนำห่าง ในนาที 39 ซัลซ์บวร์กมาได้ประตูตีตื้นหลังจากเฮนโด้เสียบอล และวาง ฮี ชานพาบอลเข้าไปยิงเข้าไปให้ทีมตามมา 1-3

ลิเวอร์พูลจบครึ่งแรกโดยนำ 3-1

เกมในครึ่งหลัง

ในช่วงต้นครึ่งหลัง ซัลซ์บวร์กทำได้ดีกว่าทำให้ลิเวอร์พูลต้องลงมาตั้งรับเป็นส่วนใหญ่

ลิเวอร์พูลขึ้นบุกได้บ้างในนาที 54 และไวจ์นัลดุมสอดขึ้นมายิงแต่ไม่เข้ากรอบ แต่เพียง 1 นาทีหลังจากนั้น ซัลซ์บวร์กยิงตีตื้นตามมาเป็น 2-3 จากจังหวะฟรีคิกกลางสนามที่ซัลบวร์กขึ้นบอลเร็วมาก่อนจะเปิดให้มินามีโน่ที่สอดขึ้นมายิงไกลผ่านมืออาเดรียนเข้าไป

ซัลซ์บวร์กเกือบตีเสมอได้แต่กรรมการให้เป็นจังหวะล้ำหน้าในนาที 59 แต่หลังจากนั้นซัลซ์บวร์กมาตีเสมอ 3-3 จากจังหวะโต้กลับ และสุดท้ายมินามีโน่ผ่านบอลมาหน้าประตูให้ฮาลันด์จิ้มเข้าไปง่ายๆ ในนาที 60

คล็อปป์ส่งมิลเนอร์มาแทนเฮนเดอร์สัน และโอรีกีลงมาแทนไวจ์นัลดุม ในนาที 63

หลังจากโดนตีเสมอ ลิเวอร์พูลยังคงพยายามทำเกมบุกขึ้นไปเพื่อทวงประตูขึ้นนำ และในนาที 69 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูที่ 4 ในเกม หลังซาลาห์ทะลุขึ้นไปในเขตโทษก่อนยิงแบบไม่พลาด ให้ทีมนำ 4-3

ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที

คล็อปป์ส่งเกอิต้าลงมาแทนซาลาห์ในนาที 90+1