“เกมสนามเล็กแบบข้างละห้าคน หรือข้างละสามคน สนามในร่ม ล้อมเป็นวงกลม ไม่มีผู้ตัดสิน ‘มีลูกบอล มีประตู ลุยเลย’ ฟุตบอลข้างถนน ไม่มีกติกา ไม่มีการซักซ้อม”

สำหรับเด็กอายุ 5-8 ปีที่ทำงานอยู่ภายใต้การดูแลของเอียน บาร์ริแกน หัวหน้าฝ่ายจัดหาทีมรุ่นพรี-อะคาเดมี ชีวิตในสโมสรไม่ได้มีกำหนดการที่เข้มงวด หรือการติดตามผลทางวิทยาศาสตร์ และมันเกี่ยวกับเรื่องของชื่อเล่น และการเล่าเรื่องตลกๆ

เกี่ยวกับการร้องเพลงของลิเวอร์พูลจนกว่าคุณจะเข้าร่วมทีม ไม่ว่าคุณจะสนับสนุนสโมสรหรือไม่

และเกี่ยวกับเกมเล็กๆ ที่เล่นกันจนแทบหยุดหายใจ ในสไตล์ของโรงเรียนถึงสิ่งที่เอียนให้นิยามว่าเป็น “สนามเด็กเล่นที่ดีที่สุดในยุโรป”

เมื่อพูดถึงผู้ที่จบการศึกษาจากเคิร์กบี อะคาเดมีในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และโอกาสต่างๆ บาร์ริแกนจะสามารถเล่าให้ฟังได้ว่าพวกเขามาจากไหน ทั้งชื่อพ่อและแม่ และพวกเขาเป็นอย่างไรตอนที่อยู่ป.1 และจะมีเรื่องเหล่าอย่างน้อย 2-3 เรื่องเกี่ยวกับพวกเขา

สัดส่วนของนักเตะเยาวชนที่เล่นได้อย่างไม่มีความหวาดกลัวให้กับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้เป็นผลผลิตจากพรี-อะคาเดมีอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงตัวจริง 5 คน และอีก 2 คนบนม้านั่งสำรองตอนที่หงส์แดงสร้างประวัติศาสตร์ในการจัด 11 ตัวจริงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เขี่ยชรูว์สบิวรี ทาวน์ ตกรอบเอฟเอ คัพ ในแอนฟิลด์

และไม่ต้องสารยายถึงลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของเขาที่สวมเสื้อยืด ‘I love Ian’ (ผมรักเอียน)ในรูปที่อยู่ในโทรศัพท์ของบาร์ริแกน แต่เราจะพูดถึงเขาภายหลัง

“เด็กพรี-อะคาเดมีกำลังโผบินอย่างมาก” ชายวัย 54 ปีกล่าวกับLiverpoolfc.com ในห้องประชุมที่สามารถมองเห็นสนามซึ่งเขา และรอย สมิธ โค้ชอะคาเดมีขับกล่อมเด็กๆ และบางครั้งก็เยี่ยมพ่อแม่ของเอฟเวอร์โตเนี่ยนด้วยการร้องเพลง ที่มีท่อนประสานเสียงว่า 'We’re champions of the world’ (เราเป็นแชมป์โลก)”

“มันเป็นเวลาสองสามปีที่ไม่น่าเชื่อ อเล็กซ์ อิงเกิลโธร์ป (ผู้อำนวยการอะคาเดมี) ยิงเข้าเป้าเต็มๆ เรื่องน่าทึ่งสำหรับเขา และสำหรับผมคือเด็กของเขาอยู่ในรุ่นพรี-อะคาเดมี ซึ่งเขาได้พบเห็นประสบการณ์ และรู้ว่ามันสำคัญอย่างไร”

“เขาเน้นหนักว่า ‘อย่าทำให้มันเป็นเหมือนดีสนีย์แลนด์’ สโมสรอื่นๆ อาจจะพาคุณไปยังสถานที่แปลกๆ ใหม่ๆ ในวันเซ็นสัญญาของคุณ แต่ถ้าคุณอยากจะเซ็นสัญญากับลิเวอร์พูล คุณต้องทำมันที่แอนฟิลด์ คุณยังคงมีวันเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยม แต่อเล็กซ์ไม่ต้องการให้มันเป็นเรื่องแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องการให้ทุกคนเจียมเนื้อเจียมตัว”

บาร์ริแกนร่วมงานกับทีมลิเวอร์พูลในช่วงปลายยุคที่นักเตะอย่างร็อบบี ฟาวเลอร์, สตีเวน เจอร์ราร์ด และเจมี คาร์ราเกอร์ เข้ามาอยู่ที่อะคาเดมีอย่างพร้อมเพรียง หลังจากได้ฝึกฝนทักษะบนท้องถนนที่ท็อกซ์เท็ธ, ฮายตัน และบูเทิล

ในยุคของที่มีเกมคอมพิวเตอร์อย่าง Fortnite และ Minecraft นักฟุตบอลข้างถนนเริ่มหาได้ยาก ดังนั้นการแบ่งทีมเล่นเกมเล็กๆ เคิร์กบียังไม่ได้การันตีอะไร แต่ไม่ว่าในกรณีใดๆ ความสามารถนั้นไม่ได้เป็นประเด็นหลักเมื่อจะมีการประเมินผู้สมัครเหล่านั้นในทุกวันนี้

“ เรามองหานักกีฬาเด็ก ๆ ที่มีความคล่องแคล่ว และลื่นไหลไปทั่วสนามหญ้า” บาร์ริแกนจากฮายตันอธิบาย

“เราไม่ได้สนใจฟุตบอลเป็นพิเศษ มันเป็นเรื่องของความคล่องแคล่ว และความเร็ว เพราะถ้าคุณคิดถึงมัน หากคุณต้องการเล่นในทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลตอนนี้ คุณต้องเป็นนักกีฬาโอลิมปิก คุณรู้ดี และเมื่อคุณรับพวกเขาเข้ามา คุณจะมีเวลา 10 ปีในการสร้างพวกเขาให้เป็นนักเตะ”

“สตีเวน เจอร์ราร์ด คงไม่ต้องการการซ้อมพื้นฐานตั้งแต่หก, เจ็ด หรือแปดขวบ  ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเลิกเป็นมืออาชีพเร็วเกินไป แกสคอยน์, เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด, ซัวเรซ หลายๆ คน พวกเขาต้องเป็นอย่างนี้ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กเล็กๆ”

“คุณไม่สามารถเปลี่ยนผู้เล่นทุกคนให้เหมือนการผ่านเครื่องกรองน้ำ และนั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมประทับใจจริงๆ เกี่ยวกับอเล็กซ์ แท้จริงแล้วเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ แค่การโชว์ฟอร์มส่วนบุคคล เจมี คาร์ราเกอร์เริ่มเล่นเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า และจบลงด้วยการลงเล่น 700 เกมในแนวรับของลิเวอร์พูล ถ้าคุณเซ็นสัญญากับเด็กๆ และพูดแค่ว่า ‘เขาจะเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟผู้ยิ่งใหญ่’ เขาจะเลิกไปตั้งแต่อายุ 13 ปี”

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1997 นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเทคนิค และกายภาพแต่อย่างใด เยาวชนทั้งหลายที่ดึงความสนใจของบาร์ริแกนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ตอนนี้มีความหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรม และชาติพันธุ์มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองชั้นใน และและเจ้าหน้าที่ของอะคาเดมีได้ตัดสินใจแน่วแน่นว่าจะสะท้อนมันออกมาในศูนย์ฝึกอะคาเดมี

“ลิเวอร์พูลในฐานะเมืองที่มีความหลากหลายมากกว่าเดิม” อดีตผู้จัดการ และผู้ประสานงานพื้นที่ตั้งข้อสังเกต

“ตัวอย่างเช่นปีนี้เราได้เซ็นสัญญากับสเก๊าเซอร์ชาวบราซิล เขาเกิดในบราซิล พ่อเป็นสเก๊าเซอร์ แม่เป็นชาวบราซิล เขากลับบ้านในวันคริสต์มาสหลังจากคลับ เวิลด์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ และลุงของเขาเป็นแฟนบอลฟลาเมงโก้!”

“เป้าหมายของเราคือได้แชมป์ ยู-6 ในท็อกซ์เทธ นั่นคือเกมสุดท้าย ผมไปแมนเชสเตอร์เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน และมีเกมลีก 4 นัด ที่เด็ก 5-6 ขวบลงเล่น มีแค่เกมเดียวในลิเวอร์พูล ซึ่งเด็กๆ ต้องอยู่เพื่อเล่นฟุตบอลในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติเหล่านี้มากขึ้น”

“เมื่อคุณมาคิด หากคุณย้ายจากโซมาเลีย หรือซีเรียมาที่นี่ การที่ลูกของคุณกำลังเล่นฟุตบอลอาจจะเป็นความสำคัญลำดับท้ายๆ ดังนั้นเราจึงต้องให้การสนับสนุนมากขึ้น และผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำคือการทำงานร่วมกับมูลนิธิสโมสรลิเวอร์พูล และกับพันธมิตรภายในสถานที่อย่างท็อกซ์เทธ”

“สิ่งที่เราต้องการก็คือแม่ที่สามารถเดินผ่านมาพร้อมกับรถเข็น และเด็กสองคน และลูกของเธอกำลังจะพูดว่า 'ผมอยากทำอย่างนั้น' เรากำลังทำงานกับลิเวอร์พูล เคาน์ตี เอฟเอ และคนที่เคยทำงานที่อะคาเดมี ตอนนี้ทำงานเต็มเวลาที่มูลนิธิเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงของเรากับพวกเขา เป็นสิ่งที่ผมตื่นเต้นจริงๆ”

ฝั่งตรงข้ามของตัวเมืองท็อกซ์เทธคือวีลตัน ฮอลล์ พาร์ก ซึ่งเคยเป็นอดีตฐานปฏิบัติการของวอลตัน แอนด์ เคิร์กเดล จูเนียร์ ฟุตบอลลีก เบื้องหลังการมีส่วนร่วมของบาร์ริแกนกับลิเวอร์พูล และสเก๊าเซอร์หนุ่มๆ หลายคนที่ประสบความสำเร็จมาจากการนำทางที่ยาวไกล และคดเคี้ยวสู่ทีมชุดใหญ่ เริ่มต้นที่นี่ด้วยสนามที่เต็มไปด้วยโคลนในเช้าวันอาทิตย์

“พ่อตาของผมคือจิมมี่ แอสปินัลล์ แมวมองที่เซ็นสัญญากับร็อบบี ฟาวเลอร์ และสตีฟ แม็คมานามาน” เอียนเกล่า “นักเตะชื่อเอียน ดาเวส ที่ในที่สุดก็ลงเอยด้วยการทำงานที่อะคาเดมีในฐานโค้ช เขาออกมาจากเอฟเวอร์ตัน ผมรู้จักพ่อของเขา และชักชวนให้มาพบกับจิมมี่ และสตีฟ ไฮเวย์ และเอียนเซ็นสัญญากับลิเวอร์พูล”

 “ผมทำทีมท้องถิ่นในวอลตัน แอนด์ เคิร์กเดล ลีก สำหรับเด็กๆ ซึ่งพวกเขาพูดแค่ว่า ‘คุณเป็นแมวมองของวอลตัน แอนด์ เคิร์กเดล ลีก’ และนั่นคือทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ผมมีเคาน์ตรีย์ พาร์ก และในหนึ่งปีเมื่อผมเป็นเลขานุการสโมสรเด็ก 35 คนได้เซ็นสัญญาอาชีพ นั่นคือทีมที่จอน ฟลานาแกน, อดัม ลูอิส และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เล่นให้”

มาถึงเรื่องของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แล้ว มันคือภาพที่กล่าวถึงข้างต้น โดยยืมเสื้อ ‘I love Ian’ หลังจากที่สตีฟ กอร์ส ผู้ช่วยของบาร์ริแกนสวมใส่เป็นคนแรก จากวีดีโอแต่เดิมที่ส่งไปยังพ่อแม่ของนักเตะ

ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าของพรี-อะคาเดมี และครอบครัวของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ทุกอย่างย้อนกลับไปที่เคาน์ตี พาร์กประมาณปี 2005 และยังคงเหนียวแน่นมาจนถึงตอนนี้ กับรายหลังที่มีประสบการณ์ลงเล่นนัดชิงแชมเปียนส์ลีก 2 ครั้ง และคลับ เวิลด์ คัพ นัดชิงชนะเลิศ 2 ครั้งเป็นช่วงเวลาที่ภาคภูมิใจที่สุดของเขาในวงการฟุตบอล

“ผมเป็นผู้จัดการของเขา เมื่อเขายังเป็นเด็กน้อย และทันใดนั้นเราก็อยู่ที่แอนฟิลด์พร้อมกับถ้วยแชมเปียนส์ลีก” บาร์ริแกนพูดถึงเรื่องนี้ “ผมเคยผ่านรอบชิงชนะเลิศจากยุโรปมาแล้วถึง 6 ครั้งหลังจากติดตามลิเวอร์พูล แต่ที่มาดริดน่าจะตื่นเต้นที่สุด เทรนต์ให้ตั๋วผม และลูกชายของผม และค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวบินของเรา หลังจากที่เราชนะในวันที่ขบวนพาเหรดเทรนต์มาหาผม และพูดว่า 'มาถ่ายรูปกันเถอะ' ผมเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึก”

“เราอยู่ที่บาร์บนดาดฟ้าในเมืองพร้อมครอบครัวของผู้เล่นทุกคน และเพื่อน และครอบครัวของเทรนต์ทุกคนอยู่ที่นั่น และแม่ของเขาไดแอนร้องไห้ และผมก็แบบ 'ถ้าผมไปที่นั่น ผมจะเหมือนเดิม! 'ผมรู้จักเธอมาตั้งแต่เทรนต์อายุหกขวบ เธอเคยรวมรวบนักเตะสำรองมาให้กับทีม เทรนต์เคยมาที่งานวันเกิดลูก ๆ ของผม”

“หลังจากนั้นในคลับ เวิลด์ คัพ เมื่อเทรนต์ได้บอล (ก่อนที่จะแอสซิสต์ให้โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในรอบรองชนะเลิศกับมอนเตอร์เรย์) ผมรู้ว่าเราจะทำประตูได้ ผมรู้เลย”

“เมื่อเราไปเคียฟ และแพ้ต่อเรอัล มาดริด อีกครั้งที่เขายกตั๋วให้กับผม และพูดตามตรงมันเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลย การพาเด็กจากทีมยู-6 ไป ถึงนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดจริงๆ เมื่อคุณเดินไปที่สนามกีฬาเพื่อเห็นหนึ่งในเด็กๆ ของคุณลงเล่นเกมอย่างนั้น...มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ”

“เทรนต์เป็นเด็กที่น่ารักเมื่อคุณได้เจอกับเขาเช่นกัน และสิ่งที่ยอดเยี่ยมคือเขาสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ว่ามันเป็นไปได้ และเรามีผู้จัดการทีมที่ให้การสนับสนุนเด็กๆ เขารู้ว่าเด็กๆ เหล่านี้จะวิ่งทะลุกำแพงอิฐเพื่อเขา”

ความก้าวหน้าของนักเตะอย่างเคอร์ติส โจนส์, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และเนโก้ วิลเลียมส์ แสดงให้เห็นว่าไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวสำหรับอะคาเดมี เพราะนักเตะทั้งสามคนไม่ได้แตกต่างกันมากนักในช่วงขวบปีแรกภายใต้การกำกับดูแลของบาร์ริแกน

“เคอร์ติสมักจะมีมาดอยู่นิดหน่อยถ้าพูดตามตรง ทะลึ่งนิดๆ แต่ไม่อ่อนแอ ไม่ออกนอกลู่จนเกินไป ผมจำได้ตอนที่ไปญี่ปุ่นกับเขา และเขาโปรยถั่วลิสงไปทั่วเที่ยวบินกลับ ระหว่างทางคุณจะต้องพูดว่า ‘หยุดนะ นายอย่าเล่น’ นี่แกล้งกันใช่ไหม...!”

“เทรนต์สงบเสงี่ยมนอกสนาม แต่เป็นผู้แพ้ที่แย่มาก! หากเขาแพ้เกม tiddlywinks (การเล่นชนิดหนึ่งคล้ายหมากเก็บ) เขาจะเริ่มหงุดหงิด”

“หลังจากนั้นคุณได้เจอเนโก้ ซึ่งเขาไม่พูดอะไรมาแล้วห้าปี เขาพูดได้แล้วในตอนนี้ไม่ใช่แต่แรก คุณจะเจอเด็กที่อวดดีนิดหน่อย และเด็กที่ขี้อาย แต่เนโก้เยือกเย็นเป็นน้ำแข็ง เขาไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวอะไรเลย ดังนั้นคุณต้องระมัดระวังเด็กแบบต่างๆ ที่คุณกำลังดูอยู่ เพราะทุกคนล้วนเป็นแบบจำเพาะบุคคล”

สำหรับความสุขทั้งหมดสัมผัสได้จากทีมงานของอะคาเดมีที่มีศิษย์เก่าที่เจริญก้าวหน้า ความทรงจำของสตีเฟน แพ็คเกอร์ นักเตะทีม ยู-9 ที่ต้องจากไปจากโรคมะเร็งในปี 2012 ไม่เคยจืดจาง

“เขาเป็นเด็กที่น่ารัก” บาร์ริแกนรำลึก

“เราเซ็นสัญญากับเขาในเดือนพ.ค. และเขาจากไปในเดือนพ.ย. ห้องเปลี่ยนชุดทีม ยู-9 ตอนนี้เรียกว่าห้องเปลี่ยนเคื่องแต่งตัวของสตีเฟน แพ็คเกอร์ เมื่อคุณตระหนักว่าเราเป็นสโมสรครอบครัวมากแค่ไหน คุณทำให้คนอื่นๆ บ่นเกี่ยวกับเวลาในสนาม หรือต้องการถุงเท้าคู่ใหม่ ทิ้งมุมมองทั้งหมดไป มันไม่ใช่อย่างนั้น”