แกรม ซูเนสส์ และเคนนี ดัลกลิช ยังคงนั่งเงียบงัน

คนหนึ่งทำหน้าฉงน ส่วนอีกคนกระหยิ่มยิ้มย่อง ในแบบที่คุ้นเคย

“นายจำได้ไหม?” ซูเนสส์ค่อยๆ ถาม “นายอยู่ที่ไหนในตอนนั้น...”

ดัลกลิช : “อ๋อ ใช่”

ตามมาด้วยความเงียบ

“ฉันยังไม่ได้ถามอะไรเลย” ซูเนสส์ ถลึงตา

“ใช่ แต่ฉันรู้สิ่งที่นายจะพูดต่อ” เคนนียักไหล่

“นายจำได้ไหมว่านายอยู่ที่ไหน...ตอนที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ยูโรเปียน คัพ เมื่อปี 1977?”

“ได้” ดัลกลิตอบกลับ ก่อนนั่งโยกตัวบนที่นั่งของเขา และทำตาโต

ก่อนที่จะนิ่งเงียบอีกครั้ง

...สารคดี When We Were Kings  (เมื่อเราต่างเป็นราชัน) ทาง LFCTV  จะพาคุณย้อนความทรงจำไปพร้อมกับสองตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร ที่ออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่เกมชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก 2018 กับเรอัล มาดริด

อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ผ่านเส้นทางที่มีจุดตัดในการทดสอบฝีเท้ากับเซลติก หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดที่คว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ ภายใต้การคุมทีมของจ็อค สตีน ในปี 1967 โดยซูเนสส์เดินทางจากเอดินบะระห์ไปพาร์กเฮด ขณะที่ดัลกลิชเดินทางใกล้กว่าเพื่อร่วมฝึกซ้อมที่ท่าเรืออันคึกคักของกลาสโกว์

“ฉันเป็น ‘Posh Jock’ ” ซูเนสส์ยิ้มให้กับเพื่อนของเขา

ดัลกลิช : “นายน่ะรึ?”

ซูเนสส์ : “ใช่เลย มาจากเอดินบะระ”

ดัลกลิช : “โอ้ ใช่เลย แน่นอน นายน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ แม้ตอนนั้นนายจะอายุแค่ 15”

สถานะตำนานรอดัลกลิชที่อยู่ที่เซลติก ระหว่าง 9 ฤดูกาลที่เขาทำ 167 ประตูจากการลงเล่น 320 นัด ขณะที่อาชีพของซูเนสส์แตกต่างออกไป สองปีกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตามด้วยการย้ายไปมิดเดิลสโบรห์ ก่อนที่จะร่วมงานกับดัลกลิชที่ลิเวอร์พูลเจ้าของแชมป์ยุโรปหลายสมัยในเดือนมกราคม 1978

ภายในไม่กี่เดือน พวกเขาป้องกันแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งที่เวลีย์ ที่ทั้งคู่ช่วยกันประสานงานทำประตูสำคัญประตูเดียวในยูโรเปียน คัพ กับคลับ บรูค

ท่ามกลางการเฉลิมฉลองอย่างบ้าคลั่ง

“เราไม่ได้ปลุกนายขึ้นตอนกลางดึกใช่ไหม?” ซูเนสส์ถามพร้อมกับเอนตัวบนที่นั่งของเขา

“นายมาเคาะประตู และหมุนลูกบิด” ดัลกลิชตอบ “และนายไปที่แผนกต้อนรับ และบอกว่า ‘ขอแชมเปญสองขวด”

“ ‘ที่ห้องมร.ดัลกลิช’ ฉันคิดว่า ฉันพูดว่า ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว?”

 “เก้าโมงครึ่งตอนเช้าหรือประมาณนั้น นายไปเจอกับพ่อแม่ตอนตี 5”

“ฉันปลุกพวกเขาขึ้นมาด้วยขวดแชมเปญ”ซูเนสส์เล่าพร้อมกับมองออกไปทางหน้าต่าง “เราอวดเหรียญให้พวกเขาดู”

ในปี 1981 ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ สมัยที่ 3 ในการเจอกับเรอัลมาดริดในกรุงปารีส สามปีต่อมา หงส์แดงเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้ง โดยครั้งนี้เจอกับโรม่าในกรุงโรม

ขณะที่มีตุ๊กตาหมีวางขายในสโตร์

“เรากำลังรับประทานอาหารกลางวันก่อนเกม” ซูเนสส์เริ่มต้นในขณะที่ดัลกลิชยิ้มกว้างเมื่อรำลึกความทรงจำร่วมกับเพื่อนเก่า

 “ตอนท้ายของมื้อเที่ยง โจ เฟแกนยืนขึ้น และเคาะช้อนของเขากับแก้วของเขา และถามว่า ‘ขอโทษทีเด็กๆ คุณออกไปข้างนอกได้ไหม?’ กับบริกร”

“และเราคิดกันว่า ประชุมทีม? พูดคุยกับทีมหรือ? ซึ่งเราไม่เคยทำมาก่อน เขายืนยัน และหลังจากนั้นเขาพูดกับตัวเองอย่างรวดเร็ว”

“เขาพูดว่า ‘เกมใหญ่ในค่ำคืนนี้’ นั่นคือความจริง เกมยูโรเปียน คัพ นัดชิงชนะเลิศ ‘นี่ต้องเป็นทีมที่เก่ง พวกเขาได้แชมป์ลีก และพวกเขามีนักเตะชุดแชมป์โลก”

“ ‘พวกเขาเอาชนะทีมเก่งๆ ในระหว่างเส้นทางที่มากถึงที่นี่ ตอนนี้ ทำให้แน่ใจว่าพวกนายจะไม่มาสายตอนรถบัสออกห้าโมงสิบห้านาที’ มันเป็นอย่างนั้น”

“เขาพูดกับตัวเอง! ‘เอาให้แน่ว่านายไม่มาสาย ตอนรถบัสออกห้าโมงสิบห้านาที’ และนั่นคือการประชุมทีมสำหรับลงเล่นยูโรเปียน คัพ นัดชิงชนะเลิศ”

มันได้ผล

ท่ามกลางเสียงเฮลั่น ลิเวอร์พูลเป็นผู้ชนะหลังการดวลจุดโทษคว้าถ้วยยุโรปสมัยที่ 4 โดยซูเนสส์คุมแดนกลาง ร่วมกับเอ็มลีน ฮิวจ์สเหนือเจ้าถิ่น ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก้ ได้ร่วมกันชูถ้วย

“มีนักเตะชั้นยอดหลายคนไม่เคยได้สัมผัสในเรื่องนี้”เขาใคร่ครวญพร้อมกับพิงเก้าอี้  และขยับถ้วยยุโรปที่ตั้งอยู่ข้างๆ เขา

เสียงกังวานขึ้นเมื่อซูเนสส์กดดันมัน : “เราได้สัมผัสมันถึง 3 ครั้ง”

นิ่งเงียบ

“เราทำมันได้อีกครั้ง และอีกครั้ง แต่ละครั้งมันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ”

“เราอยากกลับไปหามัน ใช่ เรามีความละโมบ  หนึ่งปีหลังจากนั้น ราวๆ ปี 80-81”

นิ่งเงียบ

“เมืองน่าทึ่งมากหลังจากนั้น”