จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุมจดจำภารกิจอันหนักอึ้งได้ เมื่อพวกเขาต้องเอาชนะมิดเดิลสโบรห์เพื่อการันตีการไปเล่นแชมเปียนส์ลีกในวันนี้เมื่อปี 2017

ในที่สุดเป็นไวจ์นัลดุมที่ทำประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก ก่อนที่ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และอดัม ลัลลานาจะเพิ่มประตูให้ทีมเก็บชัยชนะไป 3-0

“เรารู้ว่า เราต้องชนะเพื่อผ่านไปเล่นแชมเปียนส์ลีก ซึ่งเรามองมันเป็นเหมือนนัดชิงชนะเลิศ” นักเตะดัตช์เล่ในการพูดคุยกับ Liverpoolfc.com

“มันเป็นเรื่องแตกต่างออกไปจากเกมอื่นๆ ทั้งหมด เพราะว่าเรารู้ว่า เราต้องชนะเพื่อผ่านไปเพลย์-ออฟเพื่อลงเล่นแชมเปียนส์ลีก”

ชัยชนะในเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17 ทำให้ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์คว้าอันดับ 4 และทำให้สโมสรกลับไปอยู่ในถ้วยใหญ่สุดของยุโรปอีกครั้งในการแข่งขันที่สนุกเข้มข้นกับอาร์เซนอลจนถึงเกมสุดท้าย

เดิมพันที่สูงทำให้ให้มีความตึงเครียดในเกมไม่น้อย เมื่อทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ขึ้นนำเอฟเวอร์ตันช่วงต้นเกมดังกล่าวที่ทำให้พวกเขาทำแต้มแซงขึ้นไปชั่วคราว ก่อนที่ไวจ์นัลดุมจะได้บอลจากโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ และยิงผ่านแบรด กูซาน

“ใช่เลย มันตึงเครียดมาก”ดาวยิงในเกมดังกล่าวเผย

“คุณน่าจะมองเห็นเช่นกันตามความคิดของผม เพราะว่าเรายิงประตูไม่ได้ตั้งแต่ต้นเกมทำให้แฟนๆ ประหม่านิดหน่อย ผมคิวด่าแม้แต่นักเตะก็ตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะว่าคุณรู้ว่าคุณเล่นในบ้าน คุณรู้ว่าคุณต้องชนะ”

“ผมไม่รู้ว่าเราสร้างโอกาสจะแจ้งที่จะทำประตูแรกได้แค่ไหน ซึ่งทำให้ทีมมีเรื่องของความตื่นเต้นนิดหน่อย แต่เมื่อเราทำประตูได้มันดูเหมือนยกหินออกจากบ่า และเราไม่รู้สึกหนักอึ้งอีกต่อไป”

“คุณสามารถสัมผัสมันได้ เมื่อคุณลงเล่นคุณรู้สึกว่ามันเหมือนกันกับนักเตะ และยิ่งไปกว่านั้นกับแฟนบอล เพราะเมื่อคุณลงสนาม คุณสามารถสัมผัสสิ่งที่แฟนบอลรู้สึกจากปฏิกิริยาที่พวกเขาตอบสนองกับคุณตอนที่พวกเขาเชียร์คุณ ซึ่งเรารู้สึกกับปฏิกิริยากับกองเชียร์รวมถึงความตื่นเต้นนิดหน่อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก เพราะว่าเราอยู่ในสนามตรงนั้นเช่นกัน”

“มีความกดดันอยู่ตั้งแต่ก่อนที่เราจะลงเล่นเกมนั้น และยิ่งนานที่เกมผ่านไปโดยเรายังทำประตูไม่ได้ ความกดดันยิ่งมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ  และสุดท้ายเราก็มีจังหวะ ผมไม่รู้ว่าเป็นนาทีเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่ามันเป็นช่วงท้ายครึ่งแรก ตอนที่ผมทำประตูได้ และนั่นช่วยได้เป็นอย่างมาก”

“ไม่เพียงแต่สำหรับกองเชียร์ แต่เช่นเดียวกันกับทีม เพราะว่ามันทำให้คุณรู้สึกดี มันทำให้คุณมีความมั่นใจ และช่วงเวลาที่ผมทำประตูได้ 2-3 นาทีก่อนพักครึ่ง ซึ่งทำให้คุณเข้าไปในช่วงพักครึ่งด้วยความรู้สึกที่ดี”

“แฟนๆ ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าถ้าเราทำประตูไม่ได้ คุณอาจจะเป็นอีกแบบ... เราต้องทำประตูเพื่อเรียกความมั่นใจ ไม่ประหม่ากว่าเดิม และหลังจากนั้นกองเชียร์อาจจะประหม่า เพราะว่าเราทำประตูไม่ได้ในครึ่งแรก เพราะว่าเรามักจะทำประตูมากมายในแอนฟิลด์ โดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก”

“ดังนั้นใช่เลย ประตูที่ได้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม”

หลังจากนั้นกับการเข้าชิงแชมเปียนส์ลีกสองปีติดต่อกัน ไวจ์นัลดุมเชื่อว่า การผ่านอุปสรรคในวันสุดท้าย มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการของทีมจากฤดูกาลแรกของเขาในฐานะนักเตะลิเวอร์พูล

“ผมคิดว่าฤดูกาลนั้นเราแสดงให้เห็นแล้วว่าเราสามารถจัดการกับเกมใหญ่ๆ ได้”กองกลางรายนี้ยืนยัน

“การเจอกับทีมท็อป 6 เราไม่แพ้เลยในฤดูกาลนั้น ดังนั้นเราแสดงมันให้เห็นแล้ว แต่เวลานั้นเราไม่สำคัญกับๆ อย่าง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากนิดหน่อย แต่เรารู้ว่ามันจะช่วยเราได้ถ้าเราผ่านไปเล่นแชมเปียนส์ลีก นั่นคือเราจะพัฒนามากขึ้น เพราะว่าคุณจะได้เผชิญหน้ากับยอดทีมในยุโรป”

“ผมคิดว่า ในฤดูกาลนั้นมีสถานการณ์มากมายที่คุณต้องรับมือกับมัน และเราทำมันได้ค่อนข้างดี”

“ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะพูดแบบว่าเพราะประตูนั้นทำให้เรามาถึงจุดนี้ เพราะผมคิดว่าก่อนประตูนั้น เรามีหลายๆ เกมเช่นกันที่เราตามหลัง และเรายังทำประตูได้เพื่อกลับมาชนะ หรือตีเสมอ ที่ทำให้เรามีโอกาส เหมือนกับโอกาสของผมในการทำประตูจากจังหวะในเกมกับมิดเดิลสโบรห์”

“ดังนั้น ผมเป็นคนแบบที่มองภาพรวมมากกว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะว่าก่อนหน้าหน้าจังหวะที่ผมทำประตูได้ มีจังหวะมากมายที่ช่วยให้เราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้น”

“แน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในนั้น แต่ผมคิดว่าในกรณีนี้ มีช่วงเวลาที่สำคัญๆ มากมาย”