ความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงทำให้เอียน เกรแฮม สรุปว่าชีวิตในสถาบันการศึกษาไม่ใช่ที่สำหรับเขา ซึ่งเป็นสาขาที่เขาได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ต้นปี 2005 แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะทำต่อไป

“เดิมทีผมคิดว่าผมจะเป็นนักวิทยาศาสตร์” เกรแฮม เล่ากับ Liverpoolfc.com

“หลังจากผมทำปริญญาเอก ผมเริ่มทำงาน ในสาขาฟิสิกส์โพลิเมอร์ที่เคมบริดจ์อยู่สองปี  ซึ่งนั่นนับเป็นงานแรกถ้าคุณต้องการอยู่ที่ภาคของมหาวิทยาลัยต่อไป”

“ผมทำงานได้หนึ่งปี แต่เริ่มตระหนักว่านี่อาจจะไม่ใช่อาชีพที่เหมาะกับผม”

ราวสิบปีครึ่งต่อมา เกรแฮมได้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของสโมสรลิเวอร์พูล ผู้นำของทีมวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่งถึง 6 คน ซึ่งเก็บข้อมูลต่างๆ ทั้งก่อน และหลังการทำงาน ในแง่วิทยาศาสตร์ ทั้งจากอะคาเดมี และการสรรหานักเตะ ซึ่งการเดินทางที่น่าตื่นเต้นของเขามาจากทั้งโอกาส และโชคชะตา

“แฟนของผมทำงานในคณะทดสอบที่เคมบริดจ์ในตอนนั้น และหัวหน้าทีมสถิติที่นั่นได้ส่งอีเมลพร้อมกับโฆษณางานในการทำงานด้านสถิติฟุตบอล”แกรห์มเล่า

“โชคดีจริงๆ ที่เธอส่งต่อโฆษณานั้นให้กับผม และผมสมัครไป และได้งาน มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อาชีพไม่ได้มีความแน่นอนใจเวลานั้นในแง่เทียบกับที่มันเป็นอยู่ในตอนนี้ เมื่อคุณจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและสามารถเข้าสู่วงการกีฬาในบทบาทต่างๆ”

“มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำ แต่ตอนตอนที่ผมเห็นประกาศสมัครงานผมคิดว่า ‘นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่จะลองทำ’ “

โฟกัสของเกรแฮมที่เป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลมาตลอดชีวิตได้เปลี่ยนไป กับโอกาสที่จะจับเอาความสนใจทั้งสองอย่างที่เขาจินตนาการมาตั้งแต่เด็กมารวมกันนั่นคือฟุตบอล และข้อมูล

 “ผมมาจากตอนบนของสวอนซี วัลเลย์ และเซาท์ เวลส์ ในทศวรรษ 1980 ที่ทุกอย่างเป็นเรื่องของรักบี้ ดังนั้นความสนใจในเรื่องของฟุตบอลก็ดูจะไม่ใช่เรื่อง ‘ปกติ’” เขากล่าว

“ตอนที่ผมยังเด็ก ผมชอบ Sensible Soccer (วีดีโอเกมฟุตบอล) ที่คุณสร้างทีมของตัวเอง และอะไรแบบนั้น และผมก็ชอบอเมริกันฟุตบอลด้วย ผมชอบวิธีการอ่านสถิติของมันทั้งหมด คริกเก็ตมีความคล้ายคลึง และมันไม่ได้มีอยู่ในเกมฟุตบอล”

“ซึ่งในฐานะแฟนบอล ผมเล่น Fantasy Football (เกมจัดทีมฟุตบอล) แต่ผมไม่เห็นข้อมูล ย้อนกลับไปในปี 2005 Opta เกิดขึ้นแล้ว และเก็บข้อมูลสถิติฟุตบอลมาสักพัก แต่รายละเอียดข้อมูลไม่ได้มีอยู่ตรงนั้น”

Decision Technology เป็นนายจ้างคนใหม่ของเกรแฮมที่ได้แยกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกีฬา และเขาได้รับมอบหมายให้จัดการสัญญาข้อหนึ่ง

“พวกเขามีข้อตกลงกับ The Times เพื่อทำคอลัมน์สถิติกีฬาประจำสัปดาห์ที่เรียกว่า The Fink Tank ผมลงเอยด้วยการทำงานที่นั่น 6 ปีครึ่ง”

ประสบการณ์ครั้งแรกของเกรแฮมเกี่ยวกับการทำงานเป็นนักวิเคราะห์แถวหน้าทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลย่อยๆ ที่ตามมาในปี 2006 และ 2006 เมื่อดาเมียง โกมอลลี ผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอลของท็อตแนมมอบหมายให้ Decision Technology รับผิดชอบโปรเจ็คต์ต่างๆ

และเขาได้เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ...

“ดาเมียงชอบสิ่งที่เราทำ และเรายังได้ลงนามในข้อตกลงกับ Castrol เพื่อทำ The Castrol Index ซึ่งเป็นระบบการให้คะแนนผู้เล่นที่เราทำมาตั้งแต่ยูโร 2008 ถึงยูโร 2012 ตอนที่ผมอยู่ที่นั่น”

“เราทำงานวิเคราะห์นักเตะบางคนให้กับดาเมียงก่อนหน้านั้น แต่ผมคิดว่าเขาเห็นอะไรต่างๆ จาก Castrol และเราได้ประชุมกันอีกครั้งร่วมกับเขาตอนจบฤดูกาล 2007-08 ในช่วงซัมเมอร์นั้นเราเซ็นสัญญาระยะยาวกับสปอร์ส ซึ่งโดยพื้นฐานจะมีค่าจ้างสามวันต่อสัปดาห์ในตอนนั้นสำหรับผม”

“มันเป็นข้อตกลงการให้คำปรึกษาที่เราทำการวิเคราะห์ผู้เล่นเป็นส่วนใหญ่ ให้คำแนะนำการเสริมทัพ และอะไรแบบนั้น แต่ยังมีอะไรอื่นๆ อีกด้วย มันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการจากพวกเรา พวกเราสามารถถาม และเราพยายามวิเคราะห์ข้อมูลของเราเกี่ยวกับมัน”

มีการแต่งตั้ง แฮร์รี เร้ดแน็ปป์ เป็นผู้จัดการทีมท็อตแนมในเดือนตุลาคม 2008 ที่เร่งรัดการเริ่มความสัมพันธ์ในการทำงานที่สร้างเส้นทางอาชีพของเกรแฮมในเวลาต่อมา

“สองสามสัปดาห์หลังจากแฮร์รี่เข้ามา ผมได้พบกับไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ที่เป็นหัวหน้านักวิเคราะห์วีดีโอของพอร์ตสมัธ และถูกดึงตัวมาทำหน้าที่เหมือนกันที่สเปอร์ส” เขารำลึก

“ดาเมียงออกจากสโมสรไปในตอนนั้น แต่ผมบอกได้เลยว่าไมเคิลให้ความสนใจ และมีความถนัดในเรื่องข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล และเขากลายเป็นตัวหลักในการเชื่อมโยงของเราที่นั่น”

เกรแฮมยังทำงานต่อเนื่องกับท็อตแนมจนถึงปี 2012 แต่สายตาของเขามองถึงพัฒนาการของที่อื่นๆ 2-3 ปีก่อนหน้านั้น

“ผมตื่นเต้นมากในช่วงเวลาที่ทำงานร่วมกับสเปอร์ส แต่ตอนที่ผมได้ยินข่าวว่าจอห์น เฮนรี ซื้อลิเวอร์พูลไปในปี 2010 ผมคิดว่า ‘ลิเวอร์พูลเป็นที่ที่น่าสนใจ’ “

โกมอลลีเข้ารับรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลไม่น่าหลังจากเฟนเวย์สปอร์ตกรุ๊ปเข้ามา  หรือที่รู้จักในนามนิวอิงแลนด์ สปอร์ตส์ เวนเจอร์ส ที่เสร็จสิ้นการเข้าครอบครองสโมสรในเดือนตุลาคม 2010

ผู้บริหารชาวฝรั่งเศสพยายามนำ Decision Technology เข้ามาสู่แอนฟิลด์โดยทันที แต่ความตั้งใจนั้นติดข้อจำกัดของบริษัทที่มีสัญญากับท็อตแนม อย่างไรก็ตามเจ้าของทีมให้ความสนใจกับความตั้งใจของโกมอลลี่

เกรแฮมอธิบายว่า “ส่วนหนึ่งของความพยายามครั้งแรกของดาเมียงในการสร้างบางสิ่งบางอย่างที่ลิเวอร์พูล คือดึงตัวคนที่สามารถถอดข้อมูลฟุตบอลจากวีดีโอ แต่ยังเข้าใจเรื่องของข้อมูล และตัดสินว่าคุณภาพในการวิเคราะห์นั้นดีพอหรือไม่”

“เขาถามเราว่าเรารู้จักใครที่สามารถทำงานประเภทนี้ได้หรือไม่ และเราได้พูดชื่อของไมเคิลถึงความเป็นไปได้นี้ เนื่องจากเราเคยร่วมงานกับเขาที่สเปอร์ส และเขาดึงตัวไมเคิลมายังลิเวอร์พูลประมาณปลายปี 2010 หรือต้นปี 2011”

“หลังจากดาเมียงออกไป แล้วไมเคิล และเจ้าของทีมตัดสินใจว่าแทนที่จะลองให้ Decision Technology ทำงานให้กับลิเวอร์พูล เพราะว่าพวกเขาไม่อาจจะทำได้ ต้องบอกอย่างนั้นว่าทางเลือกที่สอง พวกเขาสอบถามผมว่าอยากจะทำงานให้กับลิเวอร์พูลโดยตรงหรือไม่ ซึ่งมันเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2012”

แน่นอนว่าเกรแฮมอยากจะทำงานให้กับลิเวอร์พูลโดยตรงอย่างแน่นอน

“มันเหมือนฝันอย่างที่สุด!” เขาอธิบาย

“ผมผิดหวังในเรื่องที่ไมเคิลอำลาสเปอร์ส เพราะการทำงานร่วมกับเขามันดีจริงๆ  เขาซักไซร้ได้ตรงประเด็น และถามคำถามอย่างเหมาะสมกับสิ่งที่เราทำ และยอมรับว่ามีบางอย่างที่คุณเห็น และไม่เห็นในส่วนของข้อมูล”

“ดังนั้นมันน่าตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับไมเคิลอีกครั้ง และแน่นอนว่าเจ้าของทีมคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องราวทั้งหมดของ Moneyball”

“ผลคือไมเคิลเป็นเจ้านายของผม ตั้งแต่ผมเริ่มงานกับลิเวอร์พูล ตอนที่เขารับผิดชอบในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเสริมทัพ อะคาเดมี และการวิเคราะห์วีดีโอให้กับทีมชุดใหญ่ ซึ่งเขามีส่วนร่วมในทุกๆ  ด้าน”

“ผมคิดว่าเขาเห็นคุณค่าเช่นเดียวกันกับที่ดาเมียงเห็น การมีคนอยู่ที่สโมสรมากกว่าเพียงให้คำปรึกษา ที่สเปอร์สมันเป็นแบบ ‘คุณให้ความเห็นกับเราเกี่ยวกับนักเตะเหล่านี้ได้ไหม?’ และเราจะไม่ได้ทำงานอย่างอื่นเลย แต่ผมคิดว่าการอยู่ภายในสโมสรคุณสามารถช่วยเหลือแผนกอื่นๆ ได้ ไม่เพียงแต่การเสริมทัพ”

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เกรแฮมทำงานเพียงลำพังภายใต้การกำกับดูแลของเอ็ดเวิร์ดส์ ปัจจุบันแผนกวิจัยของลิเวอร์พูลประกอบด้วยสมาชิกที่ทำงานเต็มเวลา 6 คน

ทิม วอสเก็ตต์ ผู้ถือปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในสาขาฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ได้รับการว่าจ้างจากเกรแฮมในเดือนสิงหาคม 2012 โดยมีดาฟิดด์ สตีล อดีตแชมป์หมากรุก รุ่นจูเนียร์ และวิลล์ สเปียร์แมน มืออาชีพด้านอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งทำงานให้กับองค์การเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์ของยุโรป หลังจากจบปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์พลังงานที่ฮาเวิร์ด ที่เขามาร่วมงานภายหลัง

“เราสี่คนทำงานด้านของสถิติ แต่เรายังมีคนที่เคยทำงานในแผนกเทคโนโลยีมาก่อน แต่ผมดึงพวกเขาเข้ามาในแผนกวิจัยทั้งมาร์ค ฮาวเล็ตต์ และมาร์ค สตีเวนสัน” เกรแฮมให้รายละเอียด

“พวกเขามีความรับผิดชอบในด้านเทคโนโลยี ซึ่งการบำรุงรักษาฐานข้อมูลของเรา สร้างเว็บไซต์การวิจัยของเรา เป็นต้น พวกเขาทำทุกอย่างเกี่ยวกับเทคโนโลยี และนั่นทำให้เราสี่คนเน้นหนักไปที่ส่วนของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้”

เกรแฮมมีคำพูดถึงการรับคนเข้ามาว่า “เหตุผลที่ตัวผมถูกดึงเข้ามา”

แต่จุดโฟกัสหลักของทีมงานวิเคราะห์ของพวกเขาคือการมีส่วนร่วมวิเคราะห์การแข่งขัน

“ก่อนเกมเราจะมีรายงานเป็นชุดที่เจมส์ (เฟรนช์) และเกร็ก (แม็ทเธียสัน) รวบรวมไว้  และหลังจากนั้นหลังเกมก็จะคล้ายกันที่แฮร์ริสัน (คิงสตัน) และมาร์ค (เลย์แลนด์) รวบรวมไว้” เขาอธิบาย

“สิ่งที่เราสร้างขึ้นคือแพลตฟอร์มที่นักวิเคราะห์สามารถนำไปพิจารณาวิเคราะห์คู่แข่ง หรือวิเคราะห์หลังเกมการแข่งขันจากมุมมองของเรา ดังนั้นเราจึงต้องมีแบบจำลองเป้าหมาย และแบบจำลองคุณค่าความคาดหวังซึ่งเชื่อมโยงกับวิดีโอที่บอกว่า นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าเป็นสถานการณ์ที่อันตราย' “

“เราไม่ค่อยได้ทำงานกับโค้ชโดยตรง แต่แผนกวิเคราะห์ของเราสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลสถิติทั้งหมดของเราและพวกเขาใช้ข้อมูลเหล่านั้นในรายงาน และการประชุม”

แต่ในขณะที่พวกเขาอาจไม่ได้ติดต่อกันเป็นประจำทุกวัน ทุกคนที่อยู่ในแผนกของเกรแฮมรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกับทีมงานโค้ช ซึ่งต้องขอบคุณไม่น้อยกับการเปิดกว้างของเจอร์เก้น คล็อปป์ รวมถึงสไตล์การจัดการทีมของเขา

“เจอร์เก้นเปิดใจมาก และยอมรับส่วนของเรา” เกรแฮมเน้น

“ในแง่ของความสัมพันธ์แบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ของผม ผมไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะเขารู้ว่าการวิเคราะห์ของเราเป็นอย่างไร และมันส่งผลอย่างไรต่อรายงานต่างๆ และงานประจำสัปดาห์ที่เขาทำ และทีมของเขาทำ”

“เพียงแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเปิดกว้าง และเข้าใจตัวเลขอย่างชัดเจนนั่นก็เพียงพอแล้ว และถ้ามีอะไรที่เขาต้องการเน้นเป็นพิเศษ เราจะเน้นตรงนั้นเพื่อโค้ช เรารับงานทุกชิ้นที่พวกเขาสนใจเป็นจุดๆ ที่กังวลเกี่ยวกับพื้นที่การเล่น หรือต้องการจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับการเดินทางก่อนเกม หรือไม่ว่าจะผลกระทบกับฟอร์มการเล่น”

“พวกเขาตระหนักดีว่าเราสามารถช่วยอะไรต่างๆ และให้ความเห็นคิด ซึ่งยอดมาก เจอร์เก้นเปิดรับมัน และเข้าใจมันจริงๆ เขาไม่ได้ทำงานมากเกินไปวันต่อวัน หรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์ แต่นั่นไม่เลวเลย”

เกรแฮมโตขึ้นมาโดยมีเอียน รัช และเพื่อนร่วมทีมของเขาเป็นฮีโร่เหมือนกันในเกม Sensible Soccer. ในขณะที่วันนี้เขาเป็นผู้นำในแผนกของสโมสรที่เขารัก และช่วยให้คล็อปป์ทำลายสถิติต่างๆ และคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ยูฟา ซูเปอร์ คัพ และฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ

แน่นอนว่าจะต้องให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ของความภาคภูมิใจในวิชาชีพ และโดยส่วนตัว?

“ใช่ แน่นอนที่สุด” เขาเห็นด้วย

“ในตอนแรกๆ มันยากในบางครั้ง การผ่านมันมาได้ และประสบความสำเร็จบางอย่าง โดยมีข้อพิสูจน์ว่าอย่างน้อยสิ่งที่เราทำไม่ได้งี่เง่า นั่นแหละเป็นความรู้สึกที่ดี!”

ติดตามสัมภาษณ์เอียน เกรแฮม ในตอนที่ 2 ได้เร็วๆ นี้