เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ได้อธิบายว่า ความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูลนั้นเป็นไปได้ด้วยสภาพพจิตใจโดยรวมที่ถูกแบ่งปันกันภายในของสมาชิกในทีมทุกคน

ลิเวอร์พูลได้ชูถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดไปเมื่อช่วงเย็นวันพุธ หลังได้รับการยืนยันว่าเป็นแชมป์มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยที่ยังเหลือเกมให้ลงเล่นอีกถึง 7 เกม

ฟาน ไดจ์ค เชื่อว่าความสามารถที่จะคว้าแชมป์ได้อย่างรวดเร็วให้สำเร็จได้ ต้องขอบคุณความมุ่งมั่นที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ปลูกฝังไว้ตลอดเส้นทางการแข่งขัน

“อันดับแรกเลย คุณต้องเชื่อมั่นในตัวคุณเอง เชื่อมั่นในทีม เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด” นักเตะหมายเลข 4 กล่าวกับเว็บทางการของสโมสร

“ถัดจากนั้น ผู้จัดการทีมพูดกับพวกเราทั้งหมดเสมอ พูดเกือบทุกวันว่าเกมตรงหน้าพวกคุณคือเกมที่สำคัญที่สุดที่คุณจะได้ลงเล่นในชีวิตของคุณ เพราะมันไม่มีอะไรอีกที่จะทำได้หรือไม่มีอะไรอีกที่จะเล่นเพื่อมัน”

“ดังนั้น จงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมี ทำงานให้หนักเท่าที่คุณจะสามารถทำได้ และแน่นอน ทำตามแทคติกและเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปด้วยกัน”

“ความมุ่งมั่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากในวิถีทางที่เราเล่น วิถีทางที่เราพยายามเพื่อให้บรรลุในสิ่งที่ดี มันได้ผลมาตลอดและมันเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ได้เห็นเช่นกัน”

ถ้าได้ลงในเกมเยือนนิวคาสเซิลซึ่งจะเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2019-20 ในวันอาทิตย์นี้ ฟาน ไดจ์คจะกลายเป็นนักเตะที่ไม่ใช่ตำแหน่งผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูลคนแรกนับตั้งแต่ขึ้นสู่ปี 2000 ที่ลงเล่นอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันในลีก

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวดัตช์ได้เน้นย้ำง่าเขามีความตั้งใจที่จะต่อสู้อย่างต่อเนื่องผ่านอุปสรรคอันเจ็บปวดอย่างไรเพื่อช่วยเพื่อนร่วมทีมและสโมสรของเขา

เขายอมรับว่า “คุณไม่มีวันที่จะเต็ม 100% ได้ มันมีบางเกมที่ผมเองก็ประสบปัญหาก่อนเกม ไม่ว่าจะเป็นความป่วยไข้หรือไม่ได้ซ้อมจนถึงวันแข่งหรืออาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ”

“ผมคิดว่า มันเป็นบางสิ่งที่คุณต้องผ่านไป ในวันแข่ง มีวิถีทางมากมายที่คุณสามารถจะพยายามให้หนักขึ้นอรกหน่อยด้วยตัวคุณเองและลงเล่นเกม”

“มันเป็นเวลาแค่ 90 นาทีในท้ายที่สุด นั่นคือวิถีทางที่ผู้จัดการทีมพูดถึงเช่นกัน เขาเคยพูดว่าผมลงเล่นเกมเหล่านั้นทั้งหมดได้ เพราะผมไม่ได้วิ่งไปทั่ว และเพราะผมเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค! ผมบอกเขาในอีกวันว่า ‘อย่าเห็นมันไม่มีค่านะ เจ้านาย!’”

“เรามีกลุ่มนักเตะที่มหัศจรรย์มาก เรามีความใกล้ชิดกันและนั่นอาจเป็นบางสิ่งที่คุณได้ยินกับจากบางทีมด้วยว่าพวกเขาใกล้ชิดกัน”

“แต่เราเป็นกลุ่มที่พิเศษ ทั้งในและนอกสนาม มันเหลือเชื่อมาก เห็นได้ชัดว่าความสำเร็จช่วยในเรื่องนั้น แต่ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาอยู่ที่นี่ มันก็พิเศษอยู่แล้วนะ”