ความสำเร็จในการสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำสำหรับแอนดี โรเบิร์ตสันในระยะหลัง

ในช่วงเวลาห้าเดือนของปีที่แล้ว ดาวเตะชาวเมืองกลาสโกว์เป็นส่วนสำคัญในทีมลิเวอร์พูลที่ยุติการรอคอยแชมป์ลีก 30 ปี และ  23 ปีแห่งการรอคอยทัวร์นาเมนต์ใหญ่องทีมชาติสอตแลนด์

และเกมที่แฮมพ์เด้น พาร์กในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายนนี้จะเป็นเกมเปิดหัวในยูโร 2020 ของพวกเขากับทีมสาธารณรัฐเช็กที่ยุติการรอคอยที่ยาวนาน และเขาจะเป็นตัวแทนของลิเวอร์พูลคนแรกในทีมชาติสกอตแลนด์ในระดับทีมชาตินับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1990

“ผมพูดเสมอว่านั่นคือเหตุผลที่เราประสบความสำเร็จ! คุณต้องการสกอตแมนในทีมเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ” แกรี จิลเลสพีกล่าวกับ Liverpoolfc.com พร้อมกับหัวเราะ

ชะตามกรรมของหงส์แดง และทีมสิงโตอะละวาดนั้นเกี่ยวพันกันจนแยกไม่ออก ต้องมีนักเตะหงส์แดงอย่างน้อยหนึ่งคนในทีมสกอตแลนด์ชุดฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ปี 1974  จนถึง 1990 โดยมีมากที่สุดถึงสามคนในปี 1982 ที่อลัน แฮนเซ่น-แกรม ซูเนส-เคนนี ดัลกลิช เป็นสามแกนหลัก

จนมาถึงฟุตบอลโลกที่อิตาลีในปี 1990 ความเชื่อมโยงนั้นลดลงนิดหน่อย แต่จิลเลสพีที่เกิ่งช่วยให้หงส์แดงของดัลกลิชคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 18 เป็นส่วนหนึ่งในรายการที่สกอตแลนด์พลิกล็อกพ่ายคอสตาริกา และตามด้วยชัยชนะเหนือสวีเดน ก่อนที่จะพ่ายอย่างเจ็บปวดต่อบราซิล 0-1 ที่ทำให้ทีมของแอนดี ร็อกซ์เบิร์กห์พลาดรอบน็อกเอาต์ด้วยคะแนนเพียงแต้มเดียว

โรเบิร์ตสันจะต้องตั้งเป้าหมายที่จะได้รับประสบกาณณ์ที่ดีขึ้นในยูโร และจิลเลสพีที่เป็นกูรูของ LFCTV มั่นใจว่าเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมชาติพร้อมขึ้นมาเผชิญหน้ากับความท้าทายที่รอเขาอยู่

“มันไม่ใช่เร่องง่ายที่เป็นกัปตันทีมชาติเจ้าภาพ ความคาดหวังนั้นสูงอยู่เสมอ” เจ้าของแชมป์ลีกสามสมัยกล่าว “แต่แอนดีมักจะพูดก่อนในการให้สัมภาษณ์หลังเกม ไม่ว่าเขาจะเล่นยังไง หรือทีมจะเล่นยังไง เขาจะโชว์ผลงานออกมาที่นั่นได้หรือไม่ และผมคิดว่าทีมของเขามีพัฒนาการให้เห็นแล้วในตอนที่เขาเป็นกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ เขาแบกความรับผิดชอบทุกอย่างไว้ และนั่นต้องให้เครดิตกับเขา”

“แอนดีเล่นในตำแหน่งวิงแบ็กมากขึ้นในระบบ 3-5-2 ของสตีฟ คลาร์ก แต่เขาทำมันได้สบายๆ การประสานงานองเขา และคีแรน เทียร์นีย์ทำได้ดี และริมเส้นด้านนนซ้ายคือหนึ่งในตำแหน่งในสนามที่สกอตแลนด์มีคุณภาพมากเป็นพิเศษในการเล่นงานทีมอื่นๆ”

“แอนดีมีฤดูกาลที่ยาวนาน และหนักมากๆ ผมคิดว่าเขาเล่นเกมลีกทั้ง 38 เกม และเขารับมือกับสถานการณ์อย่างนี้ได้เป็นอย่างดี เขาไม่สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง และกลุ่มรอบๆ ตัวเขามีส่วนสำคัญมากในการเล่นเช่นกัน แต่สกอตแลนด์มีทีมที่ดีมากในปัจจุบัน พวกเขาไม่ได้อยู่ในความสนใจของผู้คนมากนัก แต่นักเตะดีๆ หลายคนที่นั่น และเรื่องหนึ่งคือพวกเขาจะลงเล่นในรายการนี้ด้วยความสนิทสนมกลมเกลียวกันมากกว่าในอดีตนิดหหน่อย”

“มีความเหนียวแน่นกันอย่างแท้จริงในทีมชุดนี้ และเมื่อผมคิดย้อนกลับไปถึงตัวเอง สาธารณรัฐไอร์แลนด์ของแจ็ค ชาร์ลตันมีความสนิทสนมแบบเดียวกัน และมันคือรากฐานความสำเร็จของพวกเขาในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ ความมั่นใจนิดหน่อย และความเชื่อมั่นในตัวทุกคนรอบตัวคุณ การต่อสู้เพื่อเหตุผลนี้ คุณเป็นทีมรองบ่อน และคุณยินดีกับมัน”

บางทีสิ่งที่น่าสนใจที่สุดตามมุมมองของลิเวอร์พูลน่าจะเป็นวันที่ 18  มิถุนายน ที่โรเบิร์ตสันจะเผชิญหน้ากับอังกฤษที่มีจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เวมบลีย์ โดบยเขาเคยทำประตูทีมสิงโตคำรามมาได้ในเกมอุ่นเครื่องที่เซลติก พาร์กในปี 2014

“จะมีการแซวกันนิดหน่อยก่อนเกม การส่งข้อความไปมา แต่มันเป็นไปตามธรรมชาติ” จิลเลสพีกล่าว “ย้อนกลับไปตอนนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณจะลงปะทะกับฟิล ธอมป์สัน, ฟิล นีล, จอห์น บาร์นส์, ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ อะไรแบบนั้น คนสก็อตมักอยากจะเอาชนะคนอังกฤษ และผมไคิดว่าจะมีอะไรแตกต่างออกไปไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่! แต่ผมไม่คิดว่ามันจะกวนใจแอนดีแต่อย่างใด”

จากรุ่นปี 1990 ที่พวกเขาตกรอบเนื่องจากพ่ายต่อคอสตาริกาในเกมแรกที่ส่งผลชี้เป็นชี้ตายในรายการสำคัญ แต่จิลเลสพีไม่เชื่อว่าเกมกับเช็กที่จะต้องลงเล่นต่อหน้าผู้คนน้อยลงเหลือ 12,000 คนจะเป็นเกมที่ ‘ต้องชนะ’ สำหรับสกอตแลนด์

“เรื่องที่สำคัญคือต้องไม่พาตัวเองไปยู่ในตำแแหน่งที่เราจะเจอกับปัญหา ดังนั้นผมไม่คิดว่าผลเสมอจะถูกมองว่าเป็นผลการแข่งขันที่เลวร้าย” เขาสรุป

“มองโปรแกรมตามหน้ากระดาษมันง่ายที่จะมองดูแค่สามทีม แต่คุณไม่รู้ว่ามันจะออกมาอย่างไร พวกเขาแค่ต้องโฟกัสทุกอย่างไปที่เกมกับสาธารณรัฐเช็กเท่านั้น และไม่ลอยไปไกลถึงการเล่นกับอังกฤษที่เวมบลีย์”

“ความจริงที่มีสองเกมที่แฮมพ์เด้นจะทำให้คุณได้เปรียบมาก แม้ว่าจะไม่มีผู้ชมขนาดใหญ่ในสนาม ยี่สิบสามปีนั้นเป็นเวลาที่ยาวนานมาก และกับเรื่องนี้จะทำให้มีความประหม่า และความกังวล แต่ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเช่นกัน ผมแน่ใจว่าเราทุกนจะรอคอยมัน”

“ถ้ามี 12,000 คนอยู่ภายในแฮมพ์เเด้น ผมแน่ใจว่าพวกเขาจะส่งเสียงเชียร์ดัง และทำให้พวกเขาได้ยิน และนั่นจะกระตุ้นทีให้ทำเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น การลงเล่นในรายการนี้ ไม่มีใครสนใจเราจริงๆ แต่ตผมคิดว่าเราอาจจะสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนบางส่วนได้”