โครงการศิษย์เก่าเนินงานโดยอะคาเดมีของสโมสรลิเวอร์พูลในการติดต่อ และให้การสนับสนุนคนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่สร้างขึ้นที่เคอร์บี และจากไปเมื่อหลายปีก่อน

ส่วนหนึ่งของโครงการดำเนินงานโดยฟิล รอสโก หัวหน้าผู้ดูแลนักเเตะอะคาเมดีที่จะกระจายจดหมายข่าวพร้อมกับให้สัมภาษณ์อดีตนักเตะที่กำลังทำงานในอาชีพของเขา และนี่คือเรื่องราวของฟิล บราซิเออร์กัปตันทีมลิเวอร์พูลชุดคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ทีมแรกในปี 1996…

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างประวัติศาสตร์กับสโมสรลิเวอร์พูล  และเมื่อคุณทำได้คุณจะกลายเป็นตำนาน เหมือนกับฟิล บราซิเออร์ที่ถูกบันทึกไว้ในเดือนพ.ค. 1996 ว่าเป็นกัปตันทีมชุดแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ ที่ไมเคิล โอเว่นขึ้นไปเป็นพาดหัวข่าวหลาย ครั้ง

“เราเล่นกับแมนฯ ยูไนเต็ดในรอบก่อนรองชนะเลิศ และไมเคิลทำแฮตทริกได้"บราซิเออร์ที่ตอนนี้อายุ 43 ปีเล่า “ผมจำได้รอย เนย์เลอร์เซฟระดับเวิลด์คลาสไปหลายลูกอีกด้วย"

“เราจับสลากเจอกับคริสตัล พาเลซในรอบรองชนะเลิศ หลังจากชนะในเลกแรก 4-2 แต่หลังจากนั้นเราไปเยือนเซลเฮิร์ส พาร์ก และตามหลัง 0-3”

อีกครั้งที่โอเว่นช่วยชีวิตกับอีกแฮตทริกจนสกอร์รวมกลับมาชนะ 7-5 และนัดชิงชนะเลิศพวกเขาต้องพบกับเวสต์แฮมที่มีทั้งริโอ เฟอร์ดินานด์ และแฟร้งค์ แลมพาร์ด

บราซิเออร์ให้เครดิตกับทริปไปเยอรมนีก่อนเกมชิงชนะเลิศว่ามีส่วนสำคัญของชัยชนะของพวกเขาที่ตามมาหลังจากนั้น

เขาย้อนความทรงจำว่า “เราเล่นทัวร์นาเมนต์ในดุสเซลดอร์ฟ และมันทำให้นักเตะทุกคนตื่นเต้น คุณเห็นความก้าวหน้าของกลุ่ม การเติบโตด้วยกัน เราชนะทัวร์นาเมนต์นั้น และไปที่อัพตัน พาร์กในเลกแรกของนัดชิงชนะเลิศ และชนะ 2-0”

มีผู้ชนมากกว่า 25,000 คนในแอนฟิลด์สำหรับเลกที่สอง แต่ความตื่นเต้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับบราซิเออร์ ที่มีโค้ชอย่างสตีฟ ไฮเวย์ และฮิวกี้ แม็คออลีย์ นำทีมภายใต้การช่วยเหลือจากเอฟ แชนน่อน

“เราเคยเล่นที่แอนฟิลด์หลายครั้งก่อนหน้านั้น ดังนั้นผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลยจริงๆ"อดีกเซนเตอร์แบ็กกล่าว “หลังผ่านไปสองนาทีคุณไม่ได้ยินเสียงผู้ชมแล้วจริงๆ และคุณมีสมาธิเพียงแค่งานที่ต้องทำ ทุกอย่างมันเกี่ยวกับการคว้าถ้วยรางวัลมาครอง"

และประตูต้นเกมของแฟร้งค์ แลมพาร์ดช่วยให้เวสต์แฮมมีความหวัง แต่โอเว่นที่ลงมาเป็นตัวสำรองตีเสมอ ก่อนที่สจ็วร์ต ควินน์จะย้ำชัยชนะอย่างหอมหวาน ช่วยให้บราซิเออร์ได้ก้าวขึ้นไปชูถ้วยรางวัล

“มันเหมือนกับความฝันนิดหน่อย"เขายิ้ม “มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่รู้ว่าคุณได้เป็นกัปตันทีมวัยเด็กของคุณในสนามของตัวเอง ได้ชูถ้วยเอฟเอ คัพ ในฟุตบอลเด็ก คำพูดใดก็บรรยายมันไม่ได้จริงๆ! ผมคิดว่าเราเป็นรุ่นแรกที่ไปจนสุดทางนับตั้งแต่สตีฟ ไฮเวย์อยู่ที่นั่น และเราเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์"

“เรารู้ว่าสโมสรไม่เคยได้แชมป์ยูธ คัพ ผมโตมากับเด็กส่วนใหญ่ชุดคว้าแชมป์ และอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนที่เราอายุ 10-11 ขวบ"

“เราเป็นกลุ่มเพื่อนที่ดีต่อกัน และมันเหมือนกับทีมฟุตบอลซันเดย์ ลีก ในสภาพแวดล้อมแบบมืออาชีพ ผมยังได้เจอกับเพื่อนบางคนในตอนนี้"

เหมือนกับทีมเยาวชนทั้งหมดที่ทุกคนมีชะตากรรมหลากหลายในอาชีพของตัวเอง แอนดี พาร์กินสัน และแกเร็ธ โรเบิร์ตส์มีอาชีพที่ดีในลีกรองๆ ส่วนใหญ่กับทรานเมียร์ ในขณะที่จอน นิวบีลงเล่นกว่า 100 เกมให้บิวรี

เดวิด ธอมป์สันประสบความสำเร็จในการขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ให้ลิเวอร์พูลด้วยการลงเล่นกว่า 50 นัด ก่อนย้ายไปอยู่กับทีมอย่างโคเวนทรี และแบล็กเบิร์น

แน่นอนว่าโอเว่นลงเล่นให้หงส์แดงมากกว่า 300 เกม โดยทำไป 158 ประตู และคว้าบัลลงดอร์ในปี 2001 โดยเป็นนักเตะอังกฤษคนสุดท้ายที่ทำได้ ก่อนที่เขาจะย้ายไปเรอัล มาดริด

“ไมเคิ่ลอ่อนกว่าเราสองปี และอยู่ที่ลีลล์แชลล์" บราซิเออร์กล่าว “เขาเป็นเครื่องจักทำประตู และคุณพูดได้เลยว่าเขาน่าจะทำได้"

คาร์ราเกอร์เป็นส่วนหนึ่งในทีมด้วย และเขาเล่นให้ลิเวอร์พูลทีมเดียวทั้งอาชีพรวม 737 เกม มากเป็นอันดับสองตลอดกาลรองจากเอียน คัลลาแฮน และคว้าถ้วยรางวัลมากมายยกเว้นพรีเมียร์ลีก รวมถึงเป็นหนี่งในฮีโร่ชุดที่อิสตันบูลปี 2005

แต่บราซิเออร์ภาคภูมิใจแค่ไหนที่เห็นผลกระทบในวงการฟุตบอลจากลูกทีมของเขาบางคน ลูกทีมของเขา?

เขากล่าวต่อไปว่า “ผมรู้จักเจมี่ตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ เขาเรียนที่โรงเรียนบูเทิลตอนที่ผมอยู่ที่โรงเรียนลิเวอร์พูล เขาเป็นกองหน้าตัวเป้าในตอนนั้น และเขาสูงใหญ่กว่าใคร เขามีความปรารถนา และแรงผลักดัน บวกกับทักษะการจับบอลที่ยอดเยี่ยม และวิสัยทัศน์ที่ดี"

“การได้เห็นความก้าวหน้าของเขาเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ผมน่าจะภาคภูมิใจกับสิ่งที่เขาทำนอกสนามเพื่อชุมชนยิ่งกว่าไปจนถึงการก่อตั้งมูลนิธิของเขา ผมต้องโค้งคำนับเขาในเรื่องนี้"

“การได้เห็นความสุขที่เขามอบให้กับทั้งเมือง และกองเชียร์ในอิสตันบูลด้วยน่าจะเป็นเกมชิงชนะเลิศที่เป็นสัญลักษณ์ไปตลอดกาล และรับรูว่าเขาเป็นหนึ่งในเพื่อนของคุณ เหมือนกับคุณได้บางอย่างไปด้วย"

“เจมี่ คาสซิดี ก็มีคุณภาพอย่างที่สุด เล่นได้เนียนตาราวกับแพรไหม เขามีเท้าซ้ายที่ยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์ ทำทุกอย่างได้อย่างในรุ่นนี้ได้ แต่เขาถูกปล่อยตัว ตกไปเล่นลีกรอง และจนสุดท้ายต้องอำลาวงการในที่สุด"

เช่นกันกับบราซิเออร์ที่เป็นหนึ่งในคนที่สิ้นสุดการเดินทางกับลิเวอร์พูลด้วยการปล่อยตัว โดยหลังจากคว้าแชมป์ยูธ คัพ เขาได้เซ็นสัญญาอาชีพสองปีตอนที่แซมมี่ ลี คัมทีมสำรอง แต่การบาดเจ็บขัดขวางเขาในปีแรก และในปีที่สองเขาไปเข้าเคาะประตูผู้จัดการทีมเพื่อถามถึงอนาคต

“ผมเข้าไปหารอย อีแวนส์ และเขาบอกเขาน่าจะไม่เห็นว่าผมใกล้เคียงเลยที่จะได้เล่นในทีมชุดใหญ่"เขาย้อนอดีต “คุณผิดหวัง แต่มันไม่ได้เซอร์ไพรส์เลยทั้งหมดถ้าพูดตามตรง คุณแค่สงสัยว่าจะทำอะไรต่อไป"

“คุณต้องไปทดสอบฝีเท้าต่อ และรู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในจุดเริ่มต้นใหม่ แต่นี่คือเกม มันเป็นเกมที่มีการแข่งขันกันสูง"

“”ผมคิดว่าผมน่าจะย้ายไปแบบยืมตัวสักพักที่ลิเวอร์พูล เพราะว่าการกระโดดจากฟุตบอลเยาวชนมาเล่นทีมชุดใหญ่เป็นเรื่องใหญ่มาก ผมต้องพยายามเล่นฟุตบอลตลอด แลทุกคนมักจะบอกให้ผมเล่นตุกติกมากขึ้น"

บราซิเออร์ปฏิเสธสัญญากับสต็อคพอร์ต เคาน์ตี และมุ่งหน้าไปเล่นที่ทรานเมียร์ที่กำลังมีปัญหาท้ายตารางในแชมเปียนชิพเวลานั้น

“ผมได้เล่นสองสามเกมในทีมสำรอง แต่จอห์น อัลดริจด์ (ผู้จัดการทีม) บอกผมว่าเขากำลังมองหากองหน้าเข้ามาแทน"

การย้ายทีมล้มเหลวเมื่อผู้จัดการทีมย้ายไปสโมสรใหม่ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ร่วมทีม

เขากล่าวเสริมว่า “ผมไปอยู่กับรอชเดล และจำได้ว่าโดนศอกของกองหน้า และต้องเย็บ และคิดในตอนนั้นว่า ‘ผมจะกลายเป็นนักเเดินทางในลีก หรือกลับไปเรียนต่อ และเล่นนอกลีกแทนดีกว่ากัน?’  “

บราซิเออร์เลือกเรียนต่อ และลงทะเบียนในหลักสูตร HND สองปีในภาควิชาธุรกิจ และการเงิน ประกาศนียบัตรทำให้เขาได้ทำงานราชการ ที่เขาทำมานับตั้งแต่นั้น ตอนแรกกับ DWP และตอนนี้กับ Home Office

“ผมได้เพื่อนดีๆ มากมาย และการทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยได้มากจริงๆ ที่จะได้เวลาพักเพื่อเล่นฟุตบอล!” เขาหัวเราะ

ชีวิตในเกมฟุตบอลของบราซิเออร์ไปหยุดกับทีมว็อกซ์ฮอลล์ มอเตอร์ส ที่เขาอยู่ด้วยสี่ห้าปีหลังจากนั้น พร้อมกับความสำเร็จบางอย่าง

เขากล่าวว่า “เรามีการเดินทางที่น่าเหลือเชื่อ มีการเลื่อนชั้นสองสามครั้ง และเข้าถึงรอบสองของเอฟเอ คัพ"

“เราเคยเล่นกับคิวพีอาร์ในรอบแรกตอนที่พวกเขาเป็นจ่าฝูงดิวิชั่นสอง ได้ผลเสมอ 0-0 ที่เชสเตอร์ และเราไปเล่นเกมรีเพลย์ที่ลอฟตัส โร้ด และทุกคนคิดว่าเราจะจอดแค่นั้น"

“พวกเขาขึ้นนำหลังผ่านไป 10 นาที แต่เรายังคงอาละวาด และผมวอลเล่ย์ตีเสมอจากระยะหกหลา เรามีนักเตะคุณภาพดีบางคนที่เคยอยู่กับสโมสรดีๆ"

เกมจบที่การดวลจุดโทษ ที่ว็อกซ์ฮอลล์เอาชนะทีมของเอียน ฮอลโลเวย์จนได้ถ่ายทอดสดในรอบต่อไปกับแม็คเคิลสิลด์ ทาวน์ตกรอบจากสองประตูท้ายเกม

โอกาสจะเล่นฟุตบอล ลีกมลาหายไปเมื่อบราซิเออร์พบว่าเขาเซ็นสัญญาใหม่ผิดที่ผิดเวลา

“เรย์ แมตเธียส ที่เป็นผู้จัดการทีมสำรองที่ทรานเมียร์ จนได้คุมวีแกน และขอให้ผมมาทดสอบฝีเท้าสองสามสัปดาห์"เขาย้อนความ “แต่ผมเพิ่งเซ็นสัญญาใหม่กับว็อกซ์ฮอลล์ สำหรับค่าเหนื่อย 60 ปอนด์ต่อสัปดาห์! และพวกเขาไม่ยอมปล่อยให้ผมไป ผมเสียดายมาก"

ท้ายที่สุดบราซิเออร์อำลาทีม เขาไปอยู่กับนอร์ธวิช วิกตอเรีย ในฟุตบอล คอนเฟอเรนซ์ โดยเป็นหนึ่งในนักเตะพาร์ทไทม์ที่ต่อสู้กับนักเตะอาชีพเต็มตัว ก่อนที่จะอยู่กับมารนในครอสบีที่บราซิเออร์ย้ายมาในฐานะนักเตะ แต่จบลงในตำแหน่งผู้จัดการทีมอย่างไม่คาดฝัน

“เควิน ลินช์คุมทีม และขอให้ผมช่วยเขา เมื่อเขาย้ายไป สโมสรขอให้ผมลองสมัครดู” เขาเล่า “ผมไม่คิดสักนิดว่าผมจะได้งานนี้ แต่พวกเขาให้งานนี้กับผม"

“เราเริ่มต้นได้ดีมาก แต่หลังจากตกรอบเอฟเอ คัพ และเอฟเอ โทรฟีย์ มันก็เริ่มชะงัก เราอยู่รอดประมาณห้าคะแนน แต่คณะกรรมการคิดว่ามันถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง"

สำหรับบราซิเออร์ ฟุตบอลของเขาในเวลานี้อยู่กับลีกอาวุโสรุ่นเกิน 35 ปีขึ้นไปกับทีมบริทานเนียที่รู้จักกันในดีในลิเวอร์พูล ในขณะที่ภรรยา และลูกสาวอายุ 10 และ 8 ปีใช้เวลาว่างในการทำอย่างอื่น

ความรักในเกมของยังแจ่มชัด แม้ว่ากล้ามเนื้ออาจจะเริ่มปวดมากขึ้นในตอนนี้

เขาทิ้งท้ายว่า “ผมสนุกสนานมากกับช่วงเวลาในการเล่นเกมนอกลีก ผมยังติดต่อกับเพื่อนสนิทหลายคน บางคนหมดรักเกมเมื่อพวกเขาถูกปล่อยตัว แต่ผมคิดว่านั่นน่าเศร้ามาก มันยังเป็นเกมที่ผมชอบเล่น"

ไผมต้องบอกกับนักเตะในตอนนี้ว่า ‘ไม่มีอะไรการันตี คุณต้องทุ่มเท และเสียสละ แต่คุณจะต้องหาทางของตัวเอง"

บราซิเอร์หาทางของเขาเจอ และบันทึกประวัติศาสตร์จะไม่มีวันลบเลือน