Match Report: ลิเวอร์พูลเบียดชนะแอตเลติโก้ มาดริด ในแชมเปียนส์ลีก
ลิเวอร์พูลร้อนแรงต่อเนื่อง หลังบุกไปคว้าสามแต้มได้ถึงถิ่นแอตเลติโก้ มาดริด พร้อมนำจ่าฝูงกลุ่ม บี แชมเปียนส์ลีก ต่อไป
รายชื่อนักเตะ
11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์, เกอิต้า, มาเน่, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่
สำรอง: อาเดรียน, เคลเลเฮอร์, ฟาบินโญ่, โกนาเต้, โกเมซ, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มินามิโนะ, โชต้า, ซิมิกาส, โอริกี, ฟิลลิปส์ และวิลเลียมส์
จังหวะที่สำคัญ
- นาที 8 ซาลาห์ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-1
- นาที 13 เกอิต้ายิงให้ลิเวอร์พูลนำ 0-2
- นาที 21 กรีซมันน์ยิงให้แอตเลติโก้ตามมา 1-2
- นาที 34 กรีซมันน์ยิงให้แอตเลติโก้ตีเสมอ 2-2
- นาที 77 ซาลาห์ยิงจุดโทษให้ลิเวอร์พูลนำ 2-3
เกมในครึ่งแรก
ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 3 ในรายการแชเปียนส์ลีก โดยไปเยือนแอตเลติโก้ มาดริด ที่เอสตราดิโอ เมโทรโปลิตาโน
เกมนี้ลิเวอร์พูลได้อลิสสัน เบ็คเกอร์ กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง โดยที่ฟาบินโญ่มีชื่อในทีมสำรอง
ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาที 8 เมื่อซาลาห์ พาบอลเข้ากลางก่อนจะยิงไกลนอกเขตโทษ บอลแฉลบมิลเนอร์ที่เปลี่ยนทางบอลเสียบเสาเข้าไปให้ลิเวอร์พูลออกนำ 1-0 และทางยูฟ่าให้ประตูนี้เป็นของซาลาห์
นาที 13 ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0 จากการยิงสุดสวยของ นาบี เกอิต้า!
แต่ในนาที 21 แอตเลติโก้ไล่มา 1-2 จากลูกยิงไกลของกรีซมันน์
จากนั้นกรีซมันน์หลุดกับดักล้ำหน้าก่อนดวลกับอลิสสัน แต่ถูกปัดไว้ได้ในนาที 27
แต่ลิเวอร์พูลไม่สามารถหยุดความคมของกรีซมันน์ไว้ได้ หลังจากในนาที 34 กรีซมันน์ตีเสมอให้แอตเลติโก้อีกครั้ง เป็น 2-2
ในช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลต้องตั้งรับอย่างหนัก โดยในนาที 39 อลิสสันล้มตัวรับการยิงของเจา เฟลิกซ์เอาไว้ไ ก่อนที่ในนาที 43 อลิสสันพุ่งออกมาปฏิเสธจังหวะการยิงของเลอมาร์ได้อย่างรวดเร็ว
จบครึ่งแรกในมาดริด ทั้ง 2 ทีมเสมอกันอยู่ที่ 2-2
เกมในครึ่งหลัง
ลิเวอร์พูลส่งฟาบินโญ่ลงมาแทนเกอิต้าในครึ่งหลัง
ในช่วงนาที 48 มาเน่ขึ้นโหม่งเตะมุม บอลกำลังจะเสียบเสาแต่โอบลัคลอยไปปัดทิ้งได้ ถัดมาอลิสสันออกแรงเซฟจังหวะโต้กลับของเจ้าถิ่น
แต่เกมหยุดชั่วคราวในในนาที 51 เมื่อกรรมการให้ใบแดงกรีซมันน์จากจังหวะยกเท้าสูงใส่เฟอร์มิโน่
ลิเวอร์พูลได้ขึ้นไปบุกบ้างติดต่อกันในนาที 55 ฟาน ไดจ์ค โหม่งเล่นทางในเขตโทษ โอบลัครับเอาไว้ได้ ก่อนที่ในนาที 58 โรเบิร์ตสันได้ขึ้นไปลุ้นทำประตู แต่ซัดข้ามคาน
คล็อปป์ส่งโชต้า และอ็อกซ์ มาแทนมาเน่ และมิลเนอร์ ในนาที 63
นาที 77 ลิเวอร์พูลมาได้จุดโทษ และซาลาห์สังหารไม่พลาด
แต่หลังจากนั้นกลับเป็นแอตเลติโก้ที่ได้จุดโทษในนาที 80 หลังโชต้าเข้าไปปะทะ แต่หลังจากการท้วง กรรมการจึงเช็ควีเออาร์ ก่อนที่จะไม่ให้จุดโทษ
คล็อปป์ส่งโกเมซมาแทนเทรนต์ในนาที 84
ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 6 นาที
เนโก้ลงมาแทนซาลาห์ในนาที 90+2
นาที 90+3 กอร์เรอาได้ยิงเน้นๆหน้าประตู บอลเหินข้ามคานออกไป
จบเกมลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะในกรุงมาดริดได้สำเร็จ พร้อมนำจ่าฝูงของกลุ่ม บี ต่อไป