เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวว่า ประตูที่สองในเกมกับแอตเลติโก มาดริด เมื่อคืนวันพุธ ได้สรุปฟอร์มการเล่นปัจจุบันของซาดิโอ มาเน่

นักเตะหมายเลข 10 ของลิเวอร์พูลได้แสดงออกซึ่งความแข็งแกร่งและมุ่งมั่นในการสลัดตัวจากคู่แข่งเพื่อครองบอลและผ่านบอลไปยังเพื่อนร่วมทีม

มาเน่ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่เคลื่อนที่เข้าสู่เขตโทษ ซึ่งพอดีกับลูกจ่ายของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และจิ้มบอลผ่านแยน โอบลัค ช่วยให้ทีมขึ้นนำ 2-0 และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกแชมเปียนส์ลีกในที่สุด

ก่อนเกมที่จะออกไปเยือนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ ผู้จัดการทีมถูกถามถึงฟอร์มของซาดิโอ มาเน่ และเทียบกับฤดูกาลก่อนหน้าว่าเป็นอย่างไร

“เขาอยู่ในสภาพระดับท็อป และอยู่ในช่วงเวลาที่ดีมาก” คล็อปป์ตอบ “ประตูของเขาและอิทธิพลของเขาต่อประตูนี้ที่เขาทำได้เมื่อวันพุธอาจถูกประเมินต่ำไปเล้กน้อย”

“มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าซาดิโอไม่กำจัดนักเตะแอตเลติโก 4 หรือ 5 คน ออกไป และเราทุกคนรู้ดีว่าแอตเลติโกเล่นอย่างไร และการฝ่าออกมาจากวงล้อมนั้นได้โดยไม่ล้มลง ผ่านบอลออกไปด้านนอกและเห็นโอกาสในทันที นั่นเป็นบทสรุปถึงรูปแบบของซาดิโอในตอนนี้แล้ว ซึ่งมันดีมาก ๆ”

“มีความสุขกับเขามาก ๆ เลย ยินดีกับเขามาก ๆ ด้วย ไม่ได้เห็นแบบนั้นในช่วงวิกฤตเมื่อปีที่แล้ว แต่ถ้าเขาไม่มีความสุข นั่นก็ดี แปลว่าเขาต้องการจะปรับปรุงซึ่งมันดีเลย”

“เราพูดถึงเรื่องนั้นไปแล้ว ถ้าเดวิด มอยส์สามารถพัฒนาได้หลังผ่านไป 999 เกม เราก็สามารถทำได้เช่นกัน และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ และเขาก็ด้วย มีความสุขกับรูปแบบในตอนนี้จริง ๆ”

อ่านบทสัมภาษณ์ที่เหลือในส่วนที่สองของการแถลงข่าวก่อนเกมกับเวสต์แฮม ของคล็อปป์ ได้...

พูดถึงว่าถ้าต้องการคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ จำเป็นต้องมีแต้มสูงระดับ 90 แต้ม หรือความแข็งแกร่งในเชิงลึกของลีกทำให้มันยากมากขึ้น...

ผมเองก็ไม่รู้ แต่แม้ว่าลีกจะแข็งแกร่งขึ้น มันก็ยากที่จะเก็บ 99 หรือ 97 แต้ม ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุเป็นผลกันนะ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจำเป็นแค่ไหน ดังนั้น เรายังไม่ควรไปคิดถึงมัน แต่สิ่งที่แน่นอนและเป็นสิ่งที่เหมือนเดิมเสมอ คือ คุณต้องเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบเพื่อจะคว้าแชมป์ลีก นั่นคือสิ่งที่มันเป็น คุณสามารถเห็นมันได้เลย เรามีการพูดคุยในทางที่เป็นบวกเกี่ยวกับเชลซี ถูกต้องเลย ว่าเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม มีโค้ชที่สุดยอด อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ แต่พวกเขามีแต้มเหนือกว่าแค่ 3 แต้ม ดังนั้น มันไม่ใช่ว่าเราห่างไกลในตอนนี้หรืออะไรแบบนั้น เราเล่นกับพวกเขาไปแล้ว เรารู้ดีว่าพวกเขามีดีแค่ไหน เช่นเดียวกันกับซิตี้ และกับทีมอื่น ๆ ทุกทีม

ยังไม่มีอะไรถูกตัดสินเลย เราพยายามหาเส้นทางของเราเพื่อชนะเกมและคุณต้องการโชคดีกับอาการบาดเจ็บ นั่นก็เป็นเหมือนกันกับพวกเราทั้งหมด คุณจำเป็นต้องหาทางแก้ปัญหาในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อยู่บนเส้นทาง เก็บผลเสมอเมื่อเอาชนะไม่ได้ ชนะเมื่อมันเป็นไปได้และอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ และอย่าแพ้ นั่นคือไอเดียที่ดีมาก ๆ เก็บบาสิ่งบางอย่างจากเกม นั่นคือสิ่งที่เราทำมาตลอด แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณต้องการแต้มมากขนาดไหนในปีนี้ ผมไม่อาจจะสนใจน้อยลงได้ในช่วงเวลานี้จริง ๆ มันจะมากนั่นแหละ และอะไรก็ตามที่เรามีในตอนนี้ไม่เพียงพอจนถึงตอนนั้น เราชนะให้มากขึ้นอีกสองสามเกมคงจะดีกว่า

พูดถึงผลเสมอกับไบรท์ตันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วว่าเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลคว้า 97 และ 99 แต้ม...

เรามีปัญหากับไบรท์ตันเสมอ เพราะไบรท์ตันเป็นทีมที่ดี ผมคิดว่าความผิดพลาดทั้งหมดที่เราสร้างขึ้นในวันนั้นไม่ได้มากพอที่จะทำให้ไม่ชนะเกม ด้วยการเริ่มต้นที่เราทำและสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ในการเจอกับไบรท์ตัน มันไม่ดีพอ ไบรท์ตันทำได้ดีมาก แต่ทีมมากมายที่เมื่อคุณมาตามหลัง 2-0 ที่แอนฟิลด์ ที่อาจมีปฏิกิริยาแตกต่างออกไป แต่ไม่ใช่ไบรท์ตัน บางทีอาจเพราะพวกเขายิงประตูแรกใส่เราเร็วเกินไป และสำหรับพวกเขาเป็นจังหวะที่เหมาะสม

แต่มันสำคัญที่คุณต้องเคารพในสิ่งที่คู่ต่อสู้ทำอย่างแท้จริง เราทุกคนรู้ดี เมื่อซิตี้แพ้เกม มันไม่ใช่เกมที่พวกเขาไม่ได้โชว์ฟอร์มหรืออะไรก็ตาม มันเป็นเกมที่พวกเขาไม่อาจจบสกอร์ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจได้ และทีมอื่น ๆ ทำประตูระดับโลกหรืออะไรทำนองนี้ นั่นคือสิ่งที่มันเป็น คริสตัล พาเลซ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาแพ้ต่อพวกเขา ผมคิดว่าเป็นทางน์เซ่นเมื่อปีหรือสองปีก่อนนะที่ทำประตูใส่ซิตี้จากระยะ 35 เมตรหรืออะไรทำนองนั้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เชลซีจะเจอเหมือนกัน แต่เราทั้งหมดต่างมีปัญหาเดียวกัน นั่นชัดเจน

คุณต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้ คุณต้องเล่นเกมที่คุณเล่นด้วยทั้งหมดที่คุณสามารถทำได้ในตอนนั้น พวกเขาไปต่อ ฟื้นฟู ไปต่อ ฟื้นฟู ไปต่อ มันเป็นทัศนคติเฉพาะเจาะจงที่จำเป็นต้องมีและนั่นคือสิ่งที่เราคิดว่าเรามี แต่มันไม่ได้อยู่ ๆ ก็มีขึ้นมา คุณต้องทำให้เกิดขึ้น เราต้องคงความมุ่งมั่น นั่นคือสิ่งที่เราเป็นในตอนนี้และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการจะแสดงออกในวันอาทิตย์

พูดถึงการทำสถิติไร้พ่ายเทียบเท่าทีมของบ็อบ เพลสลีย์ ในทศวรรษ 1980 และเข้าใกล้ถึงระดับของพวกเขา...

ผมไม่สามารถเปรียบเทียบกับช่วงเวลานั้นได้ ผมเคยดูฟุตบอลในเวลานั้นตอนที่ผมยังเด็ก แต่ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วฟุตบอลในตอนนั้นเป็นอย่างไร ด้วยความสัตย์จริงเลย แต่มันคงไม่ง่ายแน่ ๆ ในยุคของแชงคลีย์และเพลสลีย์ ในการเอาชนะเกมฟุตบอล ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันเป็นระดับที่พิเศษสำหรับบรรดานักฟุตบอล สำหรับทุกทีม และจะมีหนึ่งทีมต้องเอาชนะมันและเอาชนะสถิตินั้น เช่นเดียวกับที่ทีมของบ็อบทำตามปกติ นั่นทำให้พวกเขายอดเยี่ยมไปตลอดกาล ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องนั้นเลย ทำไมเราถึงควรมาเปรียบเทียบกันล่ะ? ไม่เลย เราไม่ได้มองเห็นตัวเราเองในการเปรียบเทียบลักษณะไหนกับพวกเขา เราพยายามจะทำสิ่งที่เป็นไปได้ในตอนนี้ และผมไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นไปได้ เราไม่ได้มองสิ่งที่เป็นไปได้ และถ้าเราเห็น ‘โอ้ มันอาจจะยาก’ แล้วเราหยุดตรงนั้น ไม่ล่ะ ถ้าเราเห็นว่ามันเป็นไปได้แต่ยากแล้วล่ะก็ ส่วนที่สนุกจะเริ่มต้นอย่างแท้จริง แล้วเราต้องการจะทำมันด้วยทั้งหมดที่เรามี นั่นคือการเดินทางที่เป็นมาโดยตลอดของเราอย่างแท้จริง เราต้องมองว่าเราสามารถไปถึงจุดไหนได้และถ้าเรามองเห็น เราก็อาจไปที่นั่นแล้วเราก็จะต้องการก้าวไปอีกขึ้นในทันทีทันใดด้วย

นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำในตอนนี้ แต่ในลีกนี้ เราเพิ่งอยู่ในเดือนพฤศจิกายน เราทุกคนรู้ดีว่าส่วนตัดสินกำลังจะมากถึง เราไม่เคยพูดต่างออกไปอย่างไร เราเคยพูดว่า 10 เกมแรก หรือใด ๆ ตลอดเวลา คุณต้องสร้างรากฐานเพื่อส่วนที่เหลือของฤดูกาล และนั่นคือสิ่งที่เราทำมาตลอด มันก็เป็นพืนฐานที่โอเคดีเลย ไม่มากไม่น้อยเกินไป ถ้าเราสามารถทำลายสถิติในวิถีทางนั้นได้ เราไม่เคยกระตือรือร้นที่จะทำเช่นนั้น นั่นคือเหตุผลที่มันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผมคิดว่านะ ผมคิดว่าทีมนี้ได้สร้างสถิติสองสามอย่างไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าอันไหน ที่ยังไม่มีใครทำได้ในประวัติศาสตร์ร้อยกว่าปีของสโมสรแห่งนี้ นั่นคือสถานการณ์ เราไม่ได้มุ่งมั่นไปที่สถิติจริง ๆ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น มันก็เป็นสัญญาณที่ดี เพราะแปลว่าเราคงจะชนะเกมฟุตบอลและนั่นก็คือทั้งหมดที่เราสนใจ แต่เราไม่ได้ลงไปเล่นกับเวสต์แฮมเพื่อสถิติ เราไปเล่นเพื่อสามแต้มซึ่งนั่นก็ยากมากพอแล้ว