โจทำแทนเทรต์, ประตูที่ 20 ของดิโอโก อลิสสันสุดเจ๋ง และอื่น ๆ
ลิเวอร์พูลกลับมาลุ้นเพื่อสี่แชมป์ด้วยการเอาชนะวัตฟอร์ดที่แอนฟิลด์ 2-0
ลูกโหม่งของดิโอโก โชต้า ในครึ่งแรก ช่วยให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำไปก่อนในเกมช่วงเที่ยงของวันเสาร์ ก่นที่ลูกจุดโทษท้ายเกมของฟาบินโญ่จะปิดเกมให้ลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มในพรีเมียร์ลีก
นี่คือ 5 ประเด็นสำคัญจากเกมที่แอนฟิลด์...
หนึ่งเกมผ่านไป เหลืออีกเจ็ดเกม
นี่คือเกมแรกจากแปดเกมจากทั้งสามรายการแข่งขันในเดือนเมษายน และเดือนที่สำคัญอย่างมากของฤดูกาลนี้ก็เริ่มต้นด้วยชัยชนะอย่างสวยงาม
ตอนนี้ ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะ 10 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้พวกเขาแซงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนน
ความมุ่งมั่นในตอนนี้กลับไปอยู่ที่เกมเยือนเบนฟิก้าคืนวันอังคาร ซึ่งเป็นเกมแรกของรอบควอเตอร์ ไฟนัล ของรายการแชมเปียนส์ลีก แล้วตามด้วยเกมเยือนเอติฮัด
การพบกับซิตี้ในวันอาทิตยืหน้า บอกใบ้ว่าเป็นยิ่งกว่า ‘เกมตัดสินแชมป์’ และหากลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะในลีกได้ 11 เกมติดขึ้นมา พวกเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการคว้าแชมป์เช่นเดียวกับสองปีก่อน
โจทำหน้าที่แทนเทรนต์
บทบาทที่เฉพาะตัวของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นั้นหมายถึงว่ามันไม่มีสิ่งใดที่จะมาแทนที่แบ็คขวาตัวจริงของลิเวอร์พูลได้
อย่างไรก็ตาม ลูกเปิดที่โจ โกเมซ จ่ายให้โชต้าทำประตูแรก คือ ลักษณะการเปิดที่เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ทำจนเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
ทั้งความเร็วและความแม่นยำ มันต้องการเพียงการโหม่งให้เข้ากรอบ และโชต้าก็จัดการได้อย่างสวยงาม
โกเมซโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจเช่นเดียวกับที่เคยทำในเกมกับนอตติ้งแฮม ฟอเรส เมื่อครึ่งเดือนก่อนได้อย่างน่าประทับใจ บ่งบอกด้วยสถิติส่วนตัวของเขา อย่างการสัมผัสบอลถึง 93 ครั้ง, แย่งบอลได้ 8 ครั้ง, เข้าแทคเกิ้ล 4 ครั้ง ครอสบอล 4 ครั้ง และแย่งบอลคืน 2 ครั้ง
โอ้ เขาทำประตูที่ 20...
การเคลื่อนที่อันน่าอัศจรรย์ในเขตโทษ คือ กุญแจสำคัญของประตูในนาทีที่ 22 ของโชต้า ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ
ศูนย์หน้าชาวโปรตุเกสอ่านความตั้งใจของโกเมซ และเจาะแผงหลังของวัตฟอร์ดด้วยการสอดขึ้นมาที่เสาแรก ก่อนที่จะเทคตัวขึ้นโหม่งผ่านเบน ฟอสเตอร์ เข้าไป
ตอนนี้ โชต้าทำไปแล้ว 20 ประตู ในการลงเล่น 40 เกมให้กับสโมสรในฤดูกาลนี้ และกลายเป็นนักเตะคนที่สี่ในพรีเมียร์ลีกที่ทำประตูได้ถึง 20 ประตูรวมทุกรายการในฤดูกาล 2021-22 ตามหลังแฮร์รี เคน, ริยาร์ด มาห์เรซ รวมถึงเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์
อลิสสัน! อลิสสัน! อลิสสัน!
เป็นอีกครั้งที่อิลิสสัน เบคเกอร์ มีความสำคัญต่อชัยชนะของลิเวอร์พูล และอีกหนึ่งการมีส่วนอันสุดยอดจากผู้รักษาประตูหมายเลข 1 ซึ่งส่งผลถึงทิศทางของเกมการแข่งขัน
ความตื่นตัวและความเร็วในการเล่นบนพื้นคือกุญแจสำคัญ เมื่ออลิสสันออกมาบล็อกลูกยิงของจูราช คูซก้า หลังมิดฟิลด์ของวัตฟอร์ดบุกทะลวงทำลายแนวรับของลิเวอร์พูล และในวินาทีถัดมา การเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวา จบด้วยลูกโหม่งที่สำคัญของโชต้า
ตอนนี้ อลิสสันทำสถิติเก็บคลีนชีต 5 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ทำให้เขาอยู่ในจุดที่สูสีกับเอแดร์สันในการแย่งรางวัลถุงมือทองคำ และโดยรวม เขาเสียไปเพียง 3 ประตูใน 12 เกมล่าสุด
แฟ็บสุดนิ่ง
ครั้งนี้ไม่ใช่การชิพ แต่ฟาบินโญ่โชว์ความใจเย็นอีกครั้งในการยิงจุดโทษเพื่อปิดกล่องการคว้าชัยชนะของลิเวอร์พูล
ด้วยความที่ซาลาห์ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว และเจมส์ มิลเนอร์ ยังยืนอยู่ที่เส้นข้างสนามรอการเปลี่ยนตัวลงมา ความรับผิดชอบในการยิงจุดโทษหลังการเช็ค VAR อยู่กับนักเตะหมายเลข 3
และเขาก็ไม่สร้างความผิดพลาดใด ๆ ยิงนิ่ง ๆ ตุงตาข่ายฝั้งอัฒจันทร์เดอะ ค็อป ในลักษระการยิงแบบเดียวกับที่สตีเวน เจอร์ราร์ดเคยยิงอาร์เซนอลในรอบควอเตอร์ ไฟนัล ของรายการแชมเปียนส์ลีกเมื่อปี 2008
ตอนนี้ ฟาบินโญ่ทำไปแล้ว 7 ประตูในฤดูกาลนี้ โดย 6 ประตูเกิดขึ้นตั้งแต่ขึ้นปีใหม่