เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในช่วงพักครึ่ง ที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลแซงกลับมาเอาชนะบียาร์เรอัล 3-2 ผ่านเข้าชิงยูฟา แชมเปียนส์ลีก ด้วยสกอร์รวม 5-2 ในรอบรองชนะเลิศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

และนี่คือถอดบทสัมภาาณ์หลังเกมของผู้จัดการทีมหงส์แดง…

เขาพูดอะไรกับนักเตะในระหว่างพักครึ่งเล่นให้ดีกว่าครึ่งแรก!   ไม่ มันเป็นเรื่องจริง…โดยปกติในสถานการณ์อย่างนี้ เมื่อคุณหาทางเข้าสู่เกมไม่ได้ เราพยายมจะหาจังหวะซึ่งเราสามารถโชว์ให้เด็กๆ ดูในช่วงพักครึ่งเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้นิดหน่อย สิ่งที่เราต้องทำ ซึ่งตอนที่พีท (คราเวียตซ์) เข้ามาผมบอกเขาว่า ‘จงหาแค่จังหวะเดียวที่เราทำได้อย่างที่เราต้องการ ทำตั้งแต่จังหวะแรก’

และตอนที่ผมเข้าไป พีทพูดแค่ว่า ‘ไม่นะ หาไม่ได้เลย’ แต่มันชัดเจน แน่นอนว่าช่วงเริ่มต้นมันยากที่เราจะยอมรับ แน่นอนว่าเราประทับใจกับเรื่องนี้ เราสร้างเกมไม่ได้อย่างแท้จริง เราไม่ได้เล่นในตำแหน่งที่เหมาะสม ทันใดนั้นเราก็เตะบอลยาว และพยายามจะบีบมัน

เราแบบ บุกได้อันตรายอยู่บ้าง แต่มันไม่เคยเพียงพอที่จะได้โมเมนตัมสักนิด ซึ่งเราก็แค่อธิบายกับเด็กๆ ถึงจุดที่ต้องเล่น สิ่งที่เราต้องทำ จุดที่เราต้องแข็งแกร่งขึ้น และจุดที่เราต้องเคลื่อนที่ให้ชาญแลาดขึ้น เพราะชัดเจนว่าในครึ่งแรกเราเคลื่อนที่ไม่มากพอ

เราหากองกลางในพื้นที่ฮาล์ฟ-สเปซ ไม่ได้เลย เพราะว่าพวกเขาไม่อยู่ตรงนั้น สามกองหน้ายืนตายตัวเกินไป ซาดิโออยู่ด้านซ้าย โมอยู่ด้านขวา และดิโอโก ตรงกลาง มันไม่มีความยืดหยุ่น ดังนั้นแน่นอนว่าเราต้องพยายามจะผสมผสานมัน สร้างปัญหาให้กับพวกเขามากขึ้น เพราะว่การปรับเกมรับของพวกเขาที่เราเล่นไปเข้าทางพวกเขา และนั่นคือสิ่งที่เราต้องเปลี่ยนแปลง

เกี่ยวกับว่ามันเป็นอย่างไรกับการเข้าชิงแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งที่สามกับลิเวอร์พูล

ยอดเยี่ยมมาก ยิ่งใหญ่มาก มันรู้สึกเหมือนกับเป็นครั้งแรกถ้าพูดตามตรง เพราะว่าเป็นเรื่องที่พิเศษเสมอ สำหรับผมแล้วมันเป็นอย่างนั้น มันเป็นรายการแข่งขันของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผมชอบมัน ผมชอบเพลงประกอบ ทุกอย่าง ชื่นชอบทุกค่ำคืน

ด้วยความเคารพต่อบียาร์รเอัล นี่เป็นสเตเดียมที่อัศจรรย์มาก สิ่งที่ผู้คนทำอยู่ที่นี่น่าเหลือเชื่อมาก กับสิ่งอูไนกำลังทำอยู่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ วิธีการที่นักเตะทำให้เราตกอยู่ภายใต้ความกดดัน ทุกสิ่งทุกอย่างยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นมันรู้สึกพิเศษมาก เพราะว่ามันยากมากสำหรับเรา แต่ในท้ายที่สุดเราก็คู่ควรกับมันเช่นกัน และนั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก

มันเป็นเรื่องใหญ่ ใหญ่จากเด็กๆ   ก่อนเกมผมบอกเด็กๆ ว่าผมอยากจะอ่านพาดหัวว่า  ’ความมุ่งมั่นแบบมอนสเตอร์ปรากฎกลางเมือง’ แค่เพราะว่าผมต้องการจากพวกเขาตั้งแต่นาทีแรก ไม่เหมือนกับคนที่มารับเพื่อผลการแข่งขัน แต่เดินหน้าเพื่อสามแต้ม หรือชัยชนะ

ผมไม่เห็นอย่างนี้ แต่ครึ่งเวลาหลังเป็นอย่างนี้…สำหรับผมมันเป็นอย่างนี้ เพราะว่าคุณคงจะเห็นว่าเราทำได้น่าประทับใจขนาดไหนจากที่เป็นอยู่ในครึ่งแรก และหลังจากนั้นกลับมาได้อย่างที่เราคัมแบ็กในครึ่งหลังที่เป็นเรื่องที่พิเศษมาก   มันรู้สึกราวกับ 500 เกม ที่เด็กๆ เล่นมันอย่างปกติสมบูรณ์ที่ครึ่งแรกเกิดขึ้นได้ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างที่เราทำมันทำให้พิเศษอีกครั้ง และมันเป็นเรื่องที่เรามีความสุขกับมันจริงๆ

เกี่ยวกับผลกระทบของดิอาซต่อเกม

เขาสร้างผลกระทบอย่างมาก แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้คือเรื่องต่อไปในเวลาเดียวกันคือดิโอโก้ โชต้าเป็นปัญหาของเรา ซึ่งเขาไม่ใช่ปัญหาของเราเลย เราก็แค่ต้องผสมผสานมัน เรามีปัญหา 11 อย่าง ต้องบอกคุณอย่างนั้น ในครึ่งแรก เราก็แค่ต้องผสานผสานมัน คุณสามารถทำเรื่องนี้ด้วยการอธิบาย แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่ผมทำ แต่คุณต้องใส่ข้อมูลที่สดใหม่ลงไปด้วยเช่นกัน

น่าเศร้าที่จู่ๆ มันมามีส่วนร่วมกับเกม มันทำอะไรไม่ได้กับตำแหน่ง มันต้องเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดแน่ๆ สำหรับสถานการณ์เฉพาะที่ผมต้องการให้โม และซาดิโอขึ้นสูง และออกไปด้านกว้าง แต่ไม่ได้เปิดจังหวะโอเพ่นเพลย์ ซึ่งแม้จะทำงานด้วยกันมานาน…มันก็เป็นเพราะมันมีความหมายอย่างมาก มันเป็นอย่างนั้น มันมีความหมายอย่างมาก

จู่ๆ ในครึ่งแรก เราก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ครึ่งหลังเราเป็นตัวของตัวเอง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราชนะเกม ใช่ แน่นอนลุยส์ ประตูที่น่าทึ่ง และเรามีจังหวะเพิ่มอีกสองสามจังหวะ ผมคิดว่าครั้งแรกเป็นตอนที่เขายิงแบบจักรยานอากาศ ถ้าเขาพักออกเขาอาจจะยิงเข้าไปแล้ว ซึ่งใช่ ฟอร์มการเล่นสุดยอดมาก

เกี่ยวกับการเป็นทีมแรกที่ผ่านเข้าชิงแชมเปียนส์ลีก, เอฟเอ คัพ และลีก คัพในฤดูกาลเดียว และความต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์เพิ่มกับถ้วยรางวัลเพิ่มขึ้น…

ผมจะพูดอะไรได้ในตอนนี้?ทางเดียวที่จะชนะนัดชิงชนะเลิศ นั่นคือผ่านเข้าชิง นั่นคือสิ่งที่เราทำมาจนถึงเวลานี้ เราเล่นแต่ละเกมเท่าที่ลงเล่นได้ เราผ่านทุกรายการไปจนถึงเกมสุดท้าย สามรายการนี้ยังไม่จบ

ผมรู้เรื่องราวทั้งหมด และอะไรแบบนี้ และกองเชียร์ของทีมอื่นๆ ครึ่งแรกในวันนี้คนมากมายอาจจะมีความสุขถ้าเราตกรอบ แต่มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่เข้าถึงนัดชิงชนะเลิศสามรายการ นั่นน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่มีใครเคยทำได้จนถึงเวลานี้

แต่เราทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และตอนที่นัดชิงเฉพาะรายการปรากฎขึ้นมาบนโปรแกรมของเรา เราต้องทำให้แน่ใจว่าเราพร้อมสำหรับมัน แต่เราต้องลงเล่นกับทีมที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อในรอบชิงเหล่านี้ ดังนั้นเราต้องรอดู แน่นอนว่าเราจะทุ่มเททุกอย่าง แต่มันยากที่ผมจะบอกคุณโดยที่ไม่รู้ว่าไม่มีใครทำมาจนถึงตอนนี้ เพราะว่ามันยากจริงๆ

เกี่ยวกับการปรับระหว่างพักครึ่ง

ใช่ ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับบียาร์เรอัลในครึ่งแรก พวกเขาเน้นวิ่งไล่เยอะมาก ไม่ได้ประกบตัวต่อตัว มีหลายๆ จังหวะที่พวกเขารับความเสี่ยงทั้งหมด ผมคงจะให้ความเคารพสิ่งที่พวกเขาทำมากกว่านี้ไม่ได้ อย่างน้อยในแง่ของสภาพร่างกาย เราไม่ได้พูดถึงในช่วงพักครึ่ง

ไม่ ผมไม่สามารถบอกคุณเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูดในช่วงพักครึ่ง (เพราะ) ก่อนอื่น ผมไม่รู้แน่ชัดอีกต่อไป แต่ผมรู้สิ่งที่ผมพูดถึง เกี่ยวกับการเล่นฟุตบอล และจุดที่เราต้องเล่น จุดที่เราต้องขยับ จุดที่เราต้องแสดงออกมา จุดที่เราต้องกล้าเล่น จุดที่เราต้องเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม จุดที่เราต้องเข้าไปด้านหลัง และจุดที่เราต้องสอดเข้าไป

มันเป็นปัญหาของฟุตบอล และปัญหาเรื่องความเข้าใจเรื่องฟุตบอลที่คุณต้องแก้ไขด้วยฟุตบอล ถ้าคุณปรับความคิดของคุณให้ถูก หลังจากสามนาที ความคิดของเราไม่ถูกต้องอีกต่อไป เราเร่ง เรารู้สึกกดดัน และนั่นไม่สมเหตุสมผล คุณต้องบีบให้ฟุตบอลของตัวเองออกมา และในครึ่งหลังเราทำได้

เกี่ยวกับว่าดิอาซศคือทางแก้ปัญหาของลิเวอร์พูลในครึ่งแรกหรือไม่

เรื่องคือ ไม่ใช่ว่าลุยส์คือทางออก การแก้ปัญหาคือเราต้องเคลื่อนที่มากขึ้น เราต้องแก้แนวรุกจริงๆ อย่างที่ผมพูด เรามีซาดิโอด้านซ้าย โมด้านขวา และดิโอโก้ตรงกลาง และถ้าคุณเล่นกับทีมที่เล่นระบบวิ่งไล่ หรือประกบตัวต่อตัว คุณเล่นตามเกมของพวกเขา เพราะตอนนี้คุณปล่อยบอลตรงนั้น และพวกเขาแย่งบอลได้

ผมคิดว่าเราไม่สามารถเก็บบอลในแนวรุกได้เลยในครึ่งแรก เพราะว่าการเคลื่อนที่ผิด แต่ถ้าคุณไม่สามารถเล่นบอลในแดนหน้าแล้วคุณต้องการทางเลือกในแผงกองกลางเช่นกัน

แน่นอนว่าติอาโก้ถูกกดันหนักตอนที่เขาถอยต่ำ ฟูลแบ็กของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งร็อบโบ้ เร็วไป สูงไปในหลายๆ จังหวะ และเรามีนักเตะห้าคนอยู่ในแนวเดียว และไม่มีใครจ่ายบอลชี้ขาด ดังนั้นมีปัญหาเยอะมาก มันไม่ใช่เรื่องที่ผมอธิบายมันได้ในตอนนี้ แต่คุณมองเห็นมันมาแล้ว และคุณมองเห็นมันในครึ่งหลัง

ความแตกต่างเป็นการพูดถึงมันในช่วงพักครึ่ง เราเคยพูดในช่วงพักครึ่งว่าเราต้องเริ่มทำสิ่งที่ผมอยากจะทำในตอนแรก และไม่เล่นไปเข้าทางพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเล่นประกบตัวต่อตัว และไล่ตามเราจริงๆ

ในเวลานั้น คุณอาจจะจำจังหวะจ่ายบอลไปพื้นที่ฮาล์ฟ-สเปซครั้งแรก นาบี เกอิต้าสามารถพลิกได้ หลังจากนั้นซาดิโอ ถ้าเราต้องจ่ายไปตรงนั้น ทันใดนั้นจู่ๆ พวกเขาก็มีปัญหาที่เรามีในครึ่งแรก ซึ่งเราพลิก และวิ่งทะลุแนวไปสี่ห้าตัวในแนวรับสุดท้ายของพวกเขา

มันคือสถานการณ์ที่เราคาดว่าจะมีอยู่แล้วในครึ่งแรก ชัดเจนว่าพวยกเขาจะเดินหน้าใส่เรา แต่ถ้าคุณเพรสอย่างที่พวกเขาทำหลังจากนั้น แต่ถ้าคุณเพรสอย่างพวกเขาแล้วคุณจะเปิดช่องตรงจุดอื่น ชัดเจนว่าถ้าเราอยู่ในจังหวะตัวต่อตัวในจังหวะนั้น เราจะมีข้อได้เปรียบ

ยิ่งว่านั้นคุณจะมีอารมณ์ที่จะทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะถ้าลูกยิงแรกเป็นประตูของคุณแล้วคุณจะเริ่มเล่นอย่างลื่นไหลในเวลานั้น ถ้าคุณเสียประตู บ่อยครั้งมันจะเกิดขึ้นจะตรงกันข้าม และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ซึ่งเราต้องบีบตัวเองให้กลับมาสู่เกม และเด็กๆ ทำได้ และทุกอย่างออกมาดี

เกี่ยวกับค่ำคืนนี้เมื่อเทียบกับค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ค่ำคืนอื่นๆ ในอาชีพของเขา

ผมไม่อยากเปรียบเทียบ (แต่) ใช่มันเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่  ยิ่งใหญ่อย่างสมบูรณ์ การตามหลัง 0-2  เกมดูจะเป็นอย่างที่มันเป็น ทั้งโลกคิดว่า ‘โอเค มันน่าจะเป็น 3-0  มากกว่า 2-1’  แต่เราอาจจะรู้เรื่องนี้ตอนพักครึ่ง ซึ่งนั่นคือสถานการณ์ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด แต่เรายังคงอยู่ที่นี่ ซึ่งเรายังพยายมอย่างจริงๆ เราก็แค่ทำให้แน่ใจว่าทุกคนน่าจะเห็นสิ่งที่เราพยายาม และนั่นคือสิ่งที่เราทำในครึ่งหลัง

พูดตามตรง ตอนที่ผมเห็นเราจ่ายบอลทะลุแนวพวกเขาครั้งแรก และสามารถพลิกบอลได้ ผมรู้ว่าเรามีโอกาสดีที่จะพลิกเกม แน่นอนว่าคุณยังต้องยิงประตู และมันไม่ง่าย ประตูแรกที่เรายิงได้จากฟาบินโญ่เป็นจังหวะที่แฟบวิ่งเปิดพื้นที่ที่เขาไม่เคยอยู่มาก่อนเกม

การสอดไปอยู่ในพื้นที่ฮาล์ฟ-สเปซ ให้ทางเลือกในการวิ่งตัดหลัง เราจ่ายทะลุ ชัดเจนว่าเขามีโชคนิดหน่อยตอนยิง แต่เราเจาะแนวรับของพวกเขาได้ และนั่นคือสิ่งที่เราทำในครึ่งหลัง นั่นทำให้มันพิเศษจริงๆ จากจุดที่เราผ่านมา ตามหลัง 0-1 หลังจากผ่านสองนาที กับทั้งเกมที่เด็กๆ เล่น ใช่ มันพิเศษมาก และรวมแล้วสำหรับผมมันเป็นอีกค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ในยุโรป