เมื่อสภาพจิตใจแบบสัตว์ประหลาดช่วยให้กลับมาคว้าแชมป์สมัยที่ 6
การเดินทางของลิเวอร์พูลเพื่อคว้าถ้วยยูโรเปียน คัพ สมัยที่ 6 เริ่มต้นขึ้นที่สนามบินในกรุงเคียฟ
เจอร์เก้น คล็อปป์ ถูกท้าทายหลังพ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริด 3-1 ในนัดชิงชนะเลิศของแชมเปียนส์ลีก ในปี 2018
ขณะที่รอขึ้นเครื่องที่ยูเครนเพื่อกลับเมอร์ซีไซด์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้บอกตัวเขาเองว่า ‘เราต้องกลับมา เราต้องกลับมาและทำในสิ่งที่ถูกต้อง’
แล้ว 371 วันถัดมา เขาและนักแตะของเขาก็ทำสำเร็จ
การจะไปให้ถึงสนามเอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ พร้อมกับทอตแนม ฮอตสเปอร์ จำเป็นต้องใช้หัวใจ นักเตะผู้มาใหม่สองสามคน และปาฏิหาริย์แห่งโลกฟุตบอลในตัวมันเอง
แอนฟิลด์เปิดบ้านในเกมที่อาจจะเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา เมื่อทีมของคล็อปป์กลับมาจากขุมนรก และเอาชนะบาร์เซโลนาได้ในรอบรองชนะเลิศ
สเปอร์ส เองก็เป็นทีมที่พลิกกับมาคว้าชัยนะได้อย่างเหลือเชื่อเพื่อไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ที่จะเกิดขึ้นในกรุงมาดริดหลังจากนั้นเกือบสามสัปดาห์
ในค่ำคืนที่ใช้พลังงานมหาศาลในเมืองหลวงของสเปน ลิเวอร์พูลขึ้นนำก่อนได้ตั้งแต่ต้นเกม หลังเวลาผ่านไปเพียงสองนาทีเท่านั้น
หลังจากมูสซ่า ซิสโซโก ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นผู้รับหน้าที่และช่วยให้ทีมขึ้นนำ ชะล้างความเศร้าจากการบาดเจ็บที่เคยเกิดในกรุงเคียฟ
จากจังหวะนั้น มันเป็นเกมที่ตึงเครียดมาก คาดเดาไม่ได้เลย จนกระทั่งดิวอค โอริกี มาทำประตูปิดกล่อง 3 นาทีก่อนหมดเวลา
ตัวสำรอง ฮีโร่ในเกมที่กลับมาชนะบาร์ซ่า ลงมาคลี่คลายเกมและช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยใบที่ 6
โจเอล มาติป ผ่านบอลจากการสัดลูกเตะมุม และโอริกีก็จัดการปิดผนึกสถานะตำนานของเขาด้วยการจบสกอร์ไปที่เสาไกล
จากความสิ้นหวังไปสู่ความคลุ้มคลั่งภายในหนึ่งปี สภาพจิตใจแบบสัตว์ประหลาดขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของฟุตบอลยุโรป
รายชื่อทีม
อลิสสัน เบคเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (เจมส์ มิลเนอร์ น.62), โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ (ดิวอค โอริกี น.58), ซาดิโอ มาเน่ (โจ โกเมซ น.90)
เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ
กลุ่ม C
- อันดับ 1 ปารีส แซง-แชร์กแมง
- อันดับ 2 ลิเวอร์พูล
- อันดับ 3 นาโปลี
- อันดับ 4 เร้ด สตาร์ เบลเกรด
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : สกอร์รวม ลิเวอร์พูล 3-1 บาเยิร์น มิวนิก
รอบ 8 ทีมสุดท้าย : สกอร์รวม ลิเวอร์พูล 6-1 เอฟซี ปอร์โต
รอบรองชนะเลิศ : สกอร์รวม ลิเวอร์พูล 4-3 บาร์เซโลนา
ดาวซัลโวแชมเปียนส์ลีก
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 5
ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต เฟอร์มิโน – 4
ดิวอค โอริกี – 3
เจมส์ มิลเนอร์, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม – 2
แดเนียล สเตอร์ริดจ์, นาบี เกอิตา – 1