จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะ สปาร์ต้า ปราก ไปด้วยสกอร์ 5-1 (ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย) กุมความได้เปรียบก่อนจะกลับไปเล่นที่แอนฟิลด์ในสัปดาห์หน้า!

11 ตัวจริง: เคลเลเฮอร์, โกเมซ, เอ็นโด, โกนาเต้, ดิอาซ, นูนเญซ, แม็ค อัลลิสเตอร์, คักโป, เอลเลียตต์, โรเบิร์ตสัน, และควอนซาห์
.
สำรอง: อาเดรียน, โมรเซ็ค, ฟานไดจ์ค, โซบอสไล, ซาลาห์, , ซิมิกาส, คลาร์ก, กอร์ดอน, แม็คคอนเนลล์, คูมาส, แบรดลีย์, และมูเซียลอฟสกี
ครึ่งแรก
นาที 2 นูนเญซพยายามจะตวัดยิงหน้าประตู นักเตะเจ้าถิ่นช่วยกันเคลียร์ออกมาได้
นาที 5 ลิเวอร์พูลได้จุดโทษจากการที่แม็ค อัลลิสเตอร์โดนหวด!
นาที 6 ลิเวอร์พูลบุกนำ 1-0 จากการสังหารจุดโทษเข้าไปของ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์!
นาที 15 เคลเลเฮอร์กับโกเมซช่วยกันป้องกันการยิงของคุชต้าเอาไว้ได้
นาที 16 เคลเลเฮอร์ลอยตัวคว้าการยิงของเบอร์มานเซวิชเอาไว้ได้
นาที 19 โกนาเต้ขวางการเปิดกับการยิงของพรีเซียโด้เอาไว้ได้เยี่ยม
นาที 20 เคลเลเฮอร์ลอยตัวปัดการโหม่งของพรีเซียโด้ออกไปอย่างหวุดหวิด
นาที 25 ลิเวอร์พูลนำเป็น 2-0 จากการยิงไกลสุดสวยของ ดาร์วิน นูนเญซ!
นาที 35 เอ็นโดพุ่งมาแปในจังหวะเตะมุม บอลเหินข้ามคานออกไป
นาที 36 ฮาราสลินได้ยิงทางฝั่งซ้าย เคลเลเฮอร์ปัดออกไป เบอร์มานเซวิชตามมาซ้ำ บอลหลุดกรอบ
นาที 42 คักโปได้ซัดเต็มแรง ไปติดเซฟของเยนเซ่น
นาที 43 คักโปพาบอลลุยขึ้นมาก่อนจะหาจังหวะจบได้แต่เขายิงไปติดขาของเยนเซ่น
นาที 45 ดิอาซได้ลองยิงหน้าเขตโทษ บอลเหินข้ามคาน
ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 3 นาที
นาที 45+1 ฮาราสลินมีจังหวะจบสกอร์ บอลตรงตัวเคลเลเฮอร์
นาที 45+3 ลิเวอร์พูลนำเป็น 3-0 จาก ดาร์วิน นูนเญซ ที่วอลเล่ย์เข้าไปอย่างเฉียบขาด!
ครึ่งหลัง
นาที 46 แบรดลีย์ลงมาแทนโกเมซ
นาที 47 สปาร์ต้า ปรากไล่มา 1-3 จากการทำเข้าประตูตัวเองของแบรดลีย์

นาที 48 ฮาราสลินยิงไปติดเซฟของเคลเลเฮอร์

นาที 50 ฟาน ไดจ์คกับโซบอสไลลงมาแทนที่ของโกนาเต้กับนูนเญซ

นาที 53 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 4-1 จากการยิงแฉลบในเขตโทษของ ลุยส์ ดิอาซ!

นาที 55 พรีเซียโด้ลองยิงครึ่งสนาม เคลเลเฮอร์ถอยกลับไปปัดบอลทิ้งออกหลังได้

นาที 62 เครจ์ซี่รับใบเหลือง

นาที 62 คักโปได้ยิงทางฝั่งขวา ไปติดบล็อคของเยนเซ่น

นาที 65 คลาร์กลงสนามมาแทนที่ของแม็ค อัลลิสเตอร์

นาที 73 เซเลนี่ย์รับใบเหลืองจากการฟาล์วดิอาซ

นาที 74 ยินดีต้อนรับซาลาห์กลับคืนสู่สนาม โดยเขาลงมาแทนที่ดิอาซ

นาที 79 โซบอสไลหาช่องในเขตโทษเจอก่อนจะยิงด้วยเท้าขวา บอลตรงตัวเยนเซ่น

นาที 80 ซาลาห์พยายามจะดีดเร็วในจังหวะโต้กลับของลิเวอร์พูล ไม่ผ่านการออกมาป้องกันเร็วของเยนเซ่น

นาที 85 ลิเวอร์พูลส่งบอลไปกองก้นตาข่ายได้แล้วจากซาลาห์แต่ VAR บอกว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าเสียก่อน

ทดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที

นาที 90+5 ลิเวอร์พูลนำห่าง 5-1 จาก โดมินิก โซบอสไล ที่พาบอลเข้าเขตโทษก่อนจะยิงหักข้อเข้าไป!

จบเกม