ลิเวอร์พูลทิ้งห่างในตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก หลังถล่มเอาชนะอาร์เซนอล 5-1 ในวันเสาร์ที่ผ่านมา และเช่นเคยสำหรับการสรุป 5 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมดังกล่าว

ได้เวลาของบ็อบบี

เฟอร์มิโน่ทำไป 6 ประตูในฤดูกาลนี้ ก่อนอาร์เซนอลจะมาเยือน และยังทำประตูในเกมลีกที่แอนฟิลด์ไม่ได้มาตั้งแต่เม.ย. แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในชั่วอึดใจเดียว ภายใน 90 วินาทีของครึ่งแรก

หงส์แดงตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อนหลังประตูแรกของเอนสลีย์ เมตแลนด์-ไนล์ส แต่เฟอร์มิโน่มาได้ 2 ประตูหลังมีโชคจากจังหวะที่กองหลังปืนใหญ่สกัด และเข้าไปแปง่ายๆ ก่อนจะจบสกอร์อย่างเยือกเย็นด้วยจังหวะหลบกองหลังทีมเยือน ก่อนยิงด้วยเท่าซ้ายผ่านแบรนด์ เลโก้ ให้ลิเวอร์พูลแซงนำในพริบตา

และซาลาห์ยกหน้าที่สังหารจุดโทษในครึ่งหลัง ให้นักเตะวัย 27 ปีทำแฮตทริกต่อหน้าเดอะ ค็อปอย่างเหนือชั้น และยังทำให้อาร์เซนอลเป็นทีมโปรดของเขา ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงร็อบบี ฟาวเลอร์ (9) ที่ทำประตูปืนใหญ่มากกว่าเฟอร์มิโน่ (8) ในพรีเมียร์ลีก

2.3 ไม่เลวเลย

ชัยชนะเหนือปืนใหญ่ แปลว่าลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ทิ้งท้ายปี 2018 ด้วยค่าเฉลี่ย 2.38 แต้มต่อเกมตลอดปีปฏิทินที่ผ่านมา สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และยังทำให้หงส์แดงไม่แพ้ในลีกที่แอนฟิลด์ไปแล้ว 31 เกม ตั้งแต่พ่ายต่อคริสตัล พาเลซ เมื่อเม.ย.2017

หงส์แดงยังคงไม่แพ้ใครติดต่อกัน 20 เกมลีกตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล เป็นครั้งที่ 3 ของสโมสร และครั้งแรกในรอบ 30 ปี

โมยังคงรักษาโมเมนตัม

หลังจากยิงหนึ่งจ่ายหนึ่งในเกมกับนิวคาสเซิลต้นสัปดาห์นี้ ซาลาห์ยังทำได้ดับเบิลได้อีกครั้ง เมื่อสร้างโอกาสทำประตูที่ 3 ให้ซาดิโอ มาเน่ และยิงจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก

มันเป็นครั้งที่ 10 ที่นักเตะทีมชาติอียิปต์ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกันในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลที่แล้ว มีเพียงเนย์มาร์ (11)ที่มีสถิติดีกว่าใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรป รวมแล้วซาลาห์ทำไป 28 ประตูในปี 2018 จาก 35 เกมลีกในปีปฏิทิน และตอนนี้ยังนำดาวซัลโวร่วมกับปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง และแฮรี เคนที่ทำประตูเท่ากันในพรีเมียร์ลีกที่ 13 ประตู

ธันวาคมที่สมบูรณ์แบบ

ตั้งแต่ทีมของคล็อปป์แพ้ต่อเปแอสเชในเกมสุดท้ายของเดือนพ.ย. พวกเขาชนะรวด 8 เกมตลอดเดือนธ.ค. ซึ่งนั่นรวมถึงเกมแชมเปียนส์ลีกที่ต้องชนะนาโปลีในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม

พวกเขาผ่าน 4 สัปดาห์โดยไม่มีรอยขีดข่วน ด้วยชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตัน, เบิร์นลีย์, บอร์นมัธ, นาโปลี, แมนฯ ยูไนเต็ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน, นิวคาสเซิล และอาร์เซนอล นำจ่าฝูงสูงสุดของอังกฤษ และเตรียมพบกับบาเยิร์น มิวนิก ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปียนส์ลีกในปี 2019

9 แต้ม

นั่นคือช่องว่างที่ทีมของคล็อปป์ขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในค่ำคืนนี้ หลังจากที่ท็อตแนมพ่ายต่อวูล์ฟส์ไปในเกมก่อนหน้านั้น เปิดโอกาสให้หงส์แดงขยายช่องว่างจาก 6 แต้มในวันบ็อกซิ่งเดย์ออกไป

และพวกเขาคว้าโอกาสในมือด้วยชัยชนะเหนืออาร์เซนอล 3 ฤดูกาลติดต่อกันที่แอนฟิลด์ ขณะที่แมนฯ ซิตี้มีลุ้นลดช่องว่างในเกมเยือนเซาท์แฮมป์ตันในวันอาทิตย์นี้ ก่อนที่หงส์แดงจะพบกับแชมป์เก่าที่เอติฮัด สเตเดียม ในเกมวันที่ 3 ม.ค.