แอนฟิลด์ยังคงเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่ง เมื่อลิเวอร์พูลเอาชนะวัตฟอร์ดไปได้ด้วยสกอร์ถล่มทลายถึง 5-0 ในเกมที่ 28 ของพรีเมียร์ลีก

รายชื่อนักเตะ

11 ตัวจริง: อลิสสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, มิลเนอร์ ©, มาเน่, ซาลาห์ และโอริกี 

สำรอง: มินโญเลต์, เกอิต้า, เฮนเดอร์สัน, สเตอร์ริดจ์, ลัลลานา, ชากิรี และกามาโช่


Team News อัพเดตก่อนเกม:  คล็อปป์เปลี่ยนแปลงทีมเพียงแค่สองตำแหน่ง โดยส่งอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ลงเป็นตัวจริง แทนที่เฮนเดอร์สัน และโอริกี ลงมาแทนเฟอร์มิโน่ ที่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า

อ่าน คล็อปป์พูดถึงการจัด 11 ตัวจริงในเกมวัตฟอร์ด: 'ดิว็อคคู่ควรกับโอกาส' ได้ที่นี่

จังหวะสำคัญในเกม

  • นาที 9 มาเน่โหม่งให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0
  • นาที 20 มาเน่ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0
  • นาที 66 โอริกียิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 3-0
  • นาที 79 ฟาน ไดจ์ค โหม่งให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 4-0
  • นาที 82 ฟาน ไดจ์ค โหม่งให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 5-0

 

เกมในครึ่งแรก

ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมที่ 28 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยการรับการมาเยือนของวัตฟอร์ด โดยสถานการณ์ในตอนนี้คือลิเวอร์พูลนำทีมแมนฯ ซิตี้ ที่แข่งเท่ากันอยู่เพียง 1 แต้ม

ด้วยการที่เล่นที่แอนฟิลด์ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้อง ลิเวอร์พูลจึงเป็นฝ่ายครองเกมรุกได้เป็นส่วนใหญ่ นาที 3 มิลเนอร์วิ่งเข้าไปบล้อกบอลที่ฟอสเตอร์เปิด แต่บอลลอยโด่งไม่ไปไหน ฟอสเตอร์จึงรับไว้ได้ แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูจากจังหวะที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ได้ตั้งป้อมโยนเข้ามาในกรอบ และเป็นมาเน่ที่ขึ้นโหม่งเข้าไปอย่างสวยงามให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ตั้งแต่ในนาที 9

แต่ในนาทีต่อมา วัตฟอร์ดได้เตะมุม หลังจากฟาบินโญ่ลงมาช่วยสกัดบอลออกหลัง แต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายลิเวอร์พูลได้ แต่ในทางกลับกัน ลิเวอร์พูลได้เล่นโต้กลับ โดยโอริกีวางบอลให้ซาลาห์ แต่ซาลาห์เปิดติดออกหลัง ได้เตะมุม แต่มาเน่ทำอะไรไม่ถนัด บอลออกหลังไป

ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งในนาที 16 เมื่อซาลาห์วางบอลให้เทรนต์ที่วิ่งสอดขึ้นมารับบอล ก่อนที่จะถูกสกัดออกหลัง แต่ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถฉกฉวยโอกาสจากลูกเตะมุม

มาเน่ทำประตูขึ้นนำ 2-0 ได้อย่างสวยงาม และน่าเหลือเชื่อ ในนาที 20 เมื่อได้บอลจากเทรนต์ แม้จะจับยาว แต่ก็ใช้ไหวพริบตอกส้น ก่อนที่บอลจะข้ามไหล่ฟอสเตอร์เข้าไปให้เดอะ ค็อป ในแอนฟิลด์ ได้เฮ

ตอนนี้มาเน่มีลุ้นแฮตทริก ในขณะที่เทรนต์ทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ ในเกม

ลิเวอร์พูลยังเดินหน้าไม่หยุด แต่ฟอสเตอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือนก็โชว์ซูเปอร์เซฟในหลายจังหวะติดๆ กัน โดยซาลาห์ทำได้ใกล้เคียงได้ในนาที 37 แต่ถูกฟอสเตอร์ปัดบอลไปชนเสา จากนั้นมิลเนอร์พยายามพาบอลเข้าไปในกรอบ ก่อนที่จะถูกฟอสเตอร์บล็อกไว้ได้ในจังหวะสุดท้าย จนบอลมาที่ฟาบินโญ่ยิงไกลออกไป

ในขณะเดียวกัน มาติปต้องเข้าสกัดบอลในจังหวะสุดท้ายในนาที 40 หลังจากเดลโลเฟวพยายามวางบอลให้เพื่อนเข้าฮอร์ส

โรเบิร์ตสันเองได้โอกาสเมื่อขึ้นเติมมาในนาที 43 แต่เปิดบอลแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านให้มาเน่ แต่บอลลึกเกินไป

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกเพียงแค่ 1 นาที

เกมในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูลลงเล่นในครึ่งหลังด้วยพลัง และจังหวะเช่นเดียวกับครึ่งแรก และซาลาห์ได้โอกาสยิงยัดไปที่เสาแรก แต่ฟอสเตอร์ปัดไว้ได้ในนาที 50

ลิเวอร์พูลมีโอกาสทำประตูเพิ่มหลายจังหวะแต่ยังไม่ผ่านฟอสเตอร์ และกองหลังทีมเยือน โดยในนาที 63 มาเน่แต่งบอลก่อนหมุนตัวตวัดยิง แต่ยังถูกบล็อกไว้

แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตู 3-0 ในที่สุด จากจังหวะยิงด้วยขวาของโอริกีในนาที 66 ที่เข้าไปอย่างเฉียบคม แม้จะมีผู้เล่นวัตฟอร์มเข้ารุมสกัดถึง 3 คนก็ตาม

จากนั้นในนาที 70 คล็อปป์ส่งเฮนเดอร์สันลงมาแทนมิลเนอร์

เกรย์ได้ยิง แต่อลิสสันพุ่งปัดได้อย่างไม่ยากเย็นในนาที 75 แต่วัตฟอร์ดมาได้ฟรีคิกจากจังหวะโรเบิร์ตสันเสียฟาวล์

ลิเวอร์พูลรอดการเสียประตูไปอย่างหวุดหวิดในนาที 77 หลังจากอลิสสันปราดเข้ามาเซฟจังหวะที่เกรย์หลุดกับดักล้ำหน้าเข้ามายิงจ่อๆ หน้าประตู วัตฟอร์ดจึงได้แค่เพียงเตะมุม

คล็อปป์เปลี่ยนนักเตะคนที่สองในเกมในนาที 78 เมื่อส่งลัลลานามาแทนมาเน่ที่เหมาสองประตูในวันนี้

เทรนต์ทำแอสซิสต์ที่ 3 ในเกมในนาที 79 เมื่อโยนบอลเข้าไปในกรอบให้ฟาน ไดจ์ค ขึ้นโขกเข้าไปอย่างงดงาม ลิเวอร์พูลนำห่าง 4-0  และอีก 3 นาทีต่อมา ฟานไดจ์ค ขึ้นโขกอีกหนึ่งประตู ให้ทีมนำ 5-0

จากนั้นในนาที 84 เกอิต้าลงมาแทนไวจ์นัลดุม กรรมการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 3 นาที

จบเกมลิเวอร์พูลมี 69 แต้ม รั้งตำแหน่งจ่าฝูงเช่นเดิมโดยนำแมนฯ ซิตี้ 1 คะแนน