“ผมไม่รู้แน่ว่ามันจะได้ผลอย่างไร แต่แน่นอนว่ามันได้ผล และมันก็ดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน”

“มันพิเศษ”คล็อปป์กล่าวขณะที่เขาพยายามสรรหาคำพูดที่เหมาะสมเพื่ออธิบายสิ่งที่เขากำลังคิด “และมันรู้สึก ในครั้งแล้วครั้งเล่า...เหมือน...เรื่องเดอะ ค็อป ช่วยดูดบอลให้เข้าประตูไป”

“มันรู้สึกอย่างนั้น”

บางครั้งวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องดังกล่าวเหมือนกับค่ำคืนที่เกิดขึ้นในแอนฟิลด์ อย่างเกมกับบาร์เซโลนาเมื่อช่วงต้นเดือน ที่ตรรกะบางอย่างควรถูกโยนออกไปนอกหน้าต่าง

“ฟังนะ มันมีหลายอย่างเหมือนกับตำนาน ถ้าคุณพูดถึงบรรยากาศที่นั่น หรือที่นี่” คล็อปป์กล่าว “ผมพูดมา 2-3 ครั้ง ผมโชคดีมากๆ ใช่เลย ผมเจอบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมมาแล้วหลายครั้งที่บ้ามาก มันไม่น่าเชื่อ...”

“มันเป็นจังหวะสุดท้าย เสียงนกหวีดยาวกับบาร์เซโลนาที่ผมตระหนักว่า ‘อ๊ะ มันเกิดขึ้นจริง!’ “ คล็อปป์ยิ้มตอบคำถามเกี่ยวกับช่วงเวลาที่โดดเด่นของทีมของเขาในแชมเปียนส์ลีกจนถึงเวลานี้

“ตอนที่เราแพ้บาร์เซโลนา ในเกมแรก ผมโอเคกับเกม มากกว่ามีความสุขกับเกม แต่แน่นอนว่ากับสกอร์ที่ออกมา... ผมไม่ได้โง่เขลา และผมอ่านออก แต่ผมไม่รู้สึกถึงมัน ไม่รู้สึกถึงสกอร์ ผมรู้สึกแค่กับเกม”

“ระหว่างเกมมันเหมือนกับว่าคุณเจอช่วงเวลาแบบนี้ในฐานะโค้ช ผมเจอคำถามสองสามครั้ง ถ้าผมจะสนุกสนานกับสถานการณ์ หรือมันเป็นเรื่องยากที่จะเพลิดเพลินกับมัน? ผมสนุกกับเกมเป็นบ้า มันสุดยอดมาก! แต่เราแพ้ 0-3! ในห้องแต่งตัว เพราะจากฟอร์มการเล่น เราไม่ได้พูดถึงมัน เราไม่ต้องพูดถึงมัน ทำไมเราจะต้องพูด?”

“และมันไม่ใช่สถานการณ์ที่เราจะออกไปตะโกนใส่ห้องแต่งตัวของบาร์เซโลนา ‘เจอกันที่แอนฟิลด์!’ หรืออะไรอย่างนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เรานั่งอยู่ในห้องแต่งตัว และผมบอกกับเด็กๆ ในสิ่งที่ผมอยากจะบอกกับเขา มันชัดเจน เราไม่ได้หัวเสีย หรืออะไรก็ตาม เราไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ และลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้”

“จากนั้น เราอยากจะใช้สิ่งที่เราทำได้ในบาร์เซโลนา แต่เราก็ต้องลงเล่นกับนิวคาสเซิล ซึ่งชัดเจนว่าเป็นเกมที่ยากสำหรับเราจากหลากหลายเหตุผล และหลังจากนั้นเรามีเวลาแค่สองวันในการเตรียมตัวจริงๆ สำหรับเกมกับบาร์ซ่าที่แอนฟิลด์”

“ผมรู้มาก่อนว่าบ็อบบี (เฟอร์มิโน่) และโม (ซาลาห์) จะไม่สามารถลงเล่น แต่ชัดเจนว่าไม่มีสักวินาทีที่ผม หรือเด็กๆ จะคิดว่า ‘แล้วมันจะได้ผลได้อย่างไร?’ “

 “เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก เกือบจะเป็นไปไม่ได้ แต่เกือบแปลว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นั่นก็มากพอแล้วสำหรับการเริ่มต้นแผนการ”

“สำหรับผมช่วงเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญในเกมคือการเริ่มคิกออฟ พวกเขาจ่ายบอลกลับหลัง แล้วเราก็กระโดดเข้าใส่พวกเขา!   ผมบรรยายให้เด็กๆ ฟังว่า ให้เป็นเหมือนสิงโตที่ไม่ได้กินอาหารมา 8 สัปดาห์! ผมก็แบบ ‘ว้าว! โอเค มันเป็นการเริ่มต้นที่ดี นั่นเป็นวิธีที่มันอาจจะได้ผลอย่างไร”

“และหลังจากนั้นเราทำประตูได้ และหลังจากนั้นมันเป็นเกมที่เปิดกว้าง ผมต้องบอกอย่างนั้น โอกาสทองหลายครั้งของบาร์เซโลนา ข้อเท็จจริงตามความคิดของผมคือพวกเขามีโอกาสที่ดีกว่าที่พวกเขาได้ในเกมแรก ซึ่งคุณต้องการใช้ผู้รักษาประตูของคุณ และคุณต้องการความอารมณ์ร่วมต่างๆ และเด็กๆ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม”

“ในช่วงพักครึ่งเราเสียแบ็กซ้าย (แอนดี โรเบิร์ตสัน) และมันไม่ใช่ว่าเราจะมีแบ็กซ้าย 12 คนบนม้านั่งสำรองให้เลือก ร็อบโบ้บอกว่าเขาไม่สามารถเกร็งกล้ามเนื้อได้... นั่นไม่ช่วยอะไรเลยในชีวิต และในวงการฟุตบอลมันไม่ช่วยเลยเช่นกัน”

“แต่อีกครั้งที่ไม่มีใครคิดตอนเราพูดเกี่ยวกับครึ่งหลังว่าเราจะสร้างสรรค์โอกาสกันยังไงเมื่อไม่มีร็อบโบ้ในสนาม? เรามีมิลลี่ (เจมส์ มิลเนอร์) การตัดสินใจที่สมเหตุสมผลในตำแหน่งแบ็กซ้าย จินี่ (ไวจ์นัลดุม) เล่นเป็นฮาล์ฟด้านซ้ายได้ ลุยเลย”

“และหลังจากนั้นที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์!”

และหลังจากนั้นความได้เปรียบของบาร์เซโลนาหมดไปจากแอนฟิลด์ เมื่อดิว็อค โอริกี และจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ทำคนละสองประตู รวมถึงลูกแอสซิสต์สุดชาญฉลาดของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ที่สร้างจังหวะทำประตูตัดสิน รวมถึงจอร์แดน เฮนเดอร์สันที่โชว์ฟอร์มราวกับไม่มีการบาดเจ็บใดๆ ขณะที่ลิเวอร์พูลสู้ในทุกๆ พื้นที่ และกองเชียร์สร้างพลังที่น่าเหลือเชื่อในแอนฟิลด์

“มันเป็นเรื่องบ้ามาก เมื่อคุณอยู่ในซุ้มม้านั่ง และดูมัน ผมตระหนักถึงเสียงเฮ และอะไรทุกอย่างเหล่านี้ หลังจากนั้นมีเสียงนกหวีดยาว... ว้าว! มันเกิดขึ้นจริงๆ หลังจากนั้นคุณพูดว่ามันคือประวัติศาสตร์ มันเป็นอย่างนั้น เพราะว่าเกมแบบนี้คือสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดซ้ำ 500 ครั้ง มันแค่เป็นอย่างที่มันเป็น การได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน มันเจ๋งจริงๆ”

“อีกครั้งที่ในปีนี้ การผสมสานของฟุตบอล และบรรยากาศอันยอดเยี่ยม เป็นสิ่งที่พิเศษ”

ชัดเจนว่าตอนนี้ที่มาดริด เกมกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กำลังรอลิเวอร์พูลอยู่สำหรับการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก ติดต่อกัน ซึ่งอารมณ์ดิบๆ ในค่ำคืนที่แอนฟิลด์จะถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น และสมาธิในแค้มป์

“ผมไม่อาจจะภาคภูมิใจกับเด็กๆ  ได้มากกว่านี้ แต่เราไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่จะดื่มด่ำมัน” คล็อปป์ยืนยัน “ผมต้องกวดขันพวกเขาในการฝึกซ้อม ผมต้องผลักดันพวกเขา ผมต้องทำให้พวกเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา”

“ผมภาคภูมิใจ ภูมิใจมากๆ แต่มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะรู้สึกถึงมัน มันเป็นช่วงเวลาที่ต้องรู้สึกถึงกล้ามเนื้อในแต่ละส่วน มันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ที่เราจะพูดว่า ‘โอเค ลุยเลย เราต้องการทำมันทุกอย่าง เพราะว่าเราอยากจะชนะมัน”

ลิเวอร์พูลต้องการมัน ไม่อยากผิดพลาด หลังจากพวกเขาพ่ายต่อเรอัลมาดริด 1-3 ในเคียฟ ระหว่างรอบชิงดำของรายการ

“ตอนนี้เราอยู่ที่นี่อีกครั้ง และสิ่งที่พูดเกี่ยวกับทีมคือพวกเขาต้องไม่ยอมแพ้ พวกเขาต้องไม่หยุด ปีที่แล้วเมื่อเราบินกลับจากเคียฟ หลังจบเกมทันที มีช่วงเวลาที่เราทุกคนเศร้าจริงๆ ผิดหวัง หัวเสีย หรืออะไรก็ตาม”

“ผมยืนอยู่ข้างหลังนักเตะทั้งหมดที่เข้าคิวอยู่ (ที่สนามบิน) และกำลังจะขึ้นเครื่อง และผมคิดจริงๆ ว่า ‘เราต้องกลับมา เราต้องกลับมาที่นี่ และทำเรื่องเหล่านี้ให้ถูกต้อง!’ และนั่นคือเราต้องมีโอกาสในปีถัดไปทันทีซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ มันสำคัญมากจริงๆ”

“แต่เราเคารพคู่แข่งเป็นอย่างมากเช่นกัน เราเคารพพวกเขาในฐานะทีมที่ดีที่มีเรื่องราวที่พิเศษในแชมเปียนส์ลีกเหมือนกับปีนี้ ดังนั้นแน่นอนว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก”

สเปอร์สของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ได้รับการยอมรับอย่างมาก แม้ว่าหงส์แดงจะเอาชนะพวกเขา 2-1 ทั้งสองเกมในฤดูกาลนี้ และจบด้วยอันดับดีกว่าในตารางคะแนน แต่สถิติต่างๆ ไม่มีผลอะไรกับนัดชิงชนะเลิศในวันเสาร์นี้

“พวกเขาแข็งแกร่งจริงๆ” คล็อปป์พิจารณาในเรื่องนี้ “เราชนะทั้งสองเกมในลีก เรารู้เรื่องนี้ เรามีแต้มมากกว่า (ในลีก) แต่ทุกอย่างเหล่านี้ไม่มีความหมาย เมื่อเราคิดเกี่ยวกับเกมในบ้าน เราเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในครึ่งแรก แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นในครึ่งหลัง ไม่ใช่วาเราเหนือกว่าพวกเขาไป 5 ขั้น แต่มันเป็นไปตามวิถีทางที่นัดชิงชนะเลิศควรจะเป็น”

“แน่นอนว่าเราคิดเกี่ยวกับท็อตแนม และสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาเปลี่ยนแปลงระบบในเกม (ที่แอนฟิลด์) และอะไรทุกอย่างเหล่านี้ ดังนั้นกับสามสัปดาห์จากเกมสุดท้ายของพวกเขาจนถึงนัดชิงชนะเลิศ พวกเขาจะเล่นอีกระบบ ใครจะรู้? พวกเขามีหลายๆ อย่างที่เราทั้งสองทีมต้องทำจริงๆ จนกว่าเราจะเริ่ม และเราต้องรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

“เราต้องพร้อมสำหรับเกมนี้ เราต้องลงเล่นเกมนี้ ผมจินตนาการได้ว่าผู้คนคิดเกี่ยวกับมันยังไง บางคนเชื่อจะเสียงนกหวีดเป่าเริ่มเกมว่าเราจะชนะมัน และบางคนคิดว่า ‘โอ้ อีกครั้งที่เราจะแพ้มัน’ ในท้ายที่สุดเราต้องลงเล่นเกมนี้ และนั่นเป็นสิ่งที่เราจะทำร่วมกับทุกคน เราต้องกล้าอย่างที่เราทำมาตลอดทั้งปี กับความปรารถนาทั้งหมดทีเราแสดงออกมาตลอดทั้งปี นั่นเป็นเรื่องที่ชัดเจน”

“เราอยู่ในแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศเป็นปีที่สองติดต่อกัน ว้าว! แต่เรามีเกมมากมาย เรามีเกมยากๆ ที่ต้องเอาชนะ ช่วงเวลายากๆ ซึ่งเราจะต้องพร้อม และเราจะพร้อม”

ลิเวอร์พูลมีความสามารถในการพลิกสถานการณ์สถานการณ์ที่ยากลำบากในเกมต่างๆ ที่ทำให้พวกเขามีฉายาว่า ‘สภาพจิตใจเหมือนกับเหล่าอสุรกาย’

ซึ่งความจริงเป็นคำพูดที่นายใหญ่หงส์แดงนำมายกย่อง

คล็อปป์หัวเราะ และกล่าวว่า “ผมเคยใช้คำอื่นก่อนหน้านั้น... แต่ผมไม่ยอมพูดมันอีกแล้วอย่างแน่นอน!  ลองดู ช่วงสุดท้ายของฤดูกาล ทั้งฤดูกาล มันเข้มข้นมาก”

“จนถึงเกมที่ 5 (ในพรีเมียร์ลีก) มันดูเหมือนว่าน่าจะเป็นฤดูกาลที่พิเศษ มันเป็นฤดูกาลที่พิเศษ แต่ทันทีทันใดหลังจากนั้นการตอบสนองจากผู้คนที่พูดว่าคุณไม่สามารถทำแต้มหล่น เพราะทีมอื่นๆ ไม่ทำแต้มหลุดมือ”

 “ซึ่งมันทำให้ฤดูกาลเข้มข้นมากจากช่วงต้นๆ และหลังจากนั้นในแชมเปียนส์ลีกที่เราผ่านเข้ารอบ ความตื่นเต้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย รอบก่อนรองชนะเลิศที่ดี และรอบรองชนะเลิศที่โดดเด่น ระหว่างนั้นมักจะมีเกมพรีเมียร์ลีกเหล่านี้ที่ยากลำบาก อย่างเกมเยือนนิวคาสเซิล โอ้ ว้าว บรรยากาศเหมือนกับนัดชิงบอลถ้วย แต่การผลักดันผ่านเรื่องนี้ไป และทำงานให้สำเร็จเป็นเรื่องที่พิเศษมาก”

“ในเกือบหลายๆ ครั้ง ผมตื้นตันกับสิ่งที่เด็กๆ ทำ การทำประตูที่เรายิงได้ การต่อสู้กับสิ่งที่เราต้องต่อสู้ และอะไรทุกอย่างเหล่านั้น มันเป็นพิเศษ และชัดเจนว่าคุณไม่สามารกทำอย่างนี้ได้ตลอดเวลา เรามีศักยภาพมากมายในทีม และเด็กผสมผสานมันกับทัศนคติที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน และนั่นเป็นเรื่องที่โดดเด่นมาก”

“และนั่นคือสิ่งที่ผมหมายถึง ตอนที่ผมพูดถึงพวกเขาว่า ‘สภาพจิตใจเหมือนกับเหล่าอสุรกาย’ “

ความยืดหยุ่นของลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นจากการที่พวกเขาทำสถิติสโมสรในพรีเมียร์ลีก ด้วยการเก็บ 97 แต้ม และแพ้ต่อแมนฯ ซิตี้ นัดเดียวตลอดทั้งฤดูกาล และทำให้พลาดแชมป์ลีกแค่แต้มเดียว

“เราเห็นถึงพัฒนาการของเรา เรารู้สิ่งที่เราต้องทำ เราปรับปรุงขึ้นมาก มันน่าเหลือเชื่อมาก” คล็อปป์กล่าวต่อไป “ถ้ามีรางวัลเกี่ยวกับพัฒนาการอันยิ่งใหญ่ที่สุดตลอด 12 เดือนหลังสุด มันจะต้องมอบให้กับหงส์แดง นั่นคือวิถีทางที่มันเป็น”

“เด็กๆ ทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ แต่เราเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชนะการแข่งขัน ดังนั้นสำหรับเราคือเราต้องการชนะการแข่งขัน และถ้าไม่ก็เข้าใกล้ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือส่วนใหญ่นอกจากชัยชนะ เรื่องที่ดีที่สุดที่สามารถเกิดขึ้น เข้าใกล้ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะมันทำให้เรื่องต่างๆ สามารถเอื้อมถึงมากกว่าจะไม่สามารถทำได้ นั่นเป็นเรื่องที่สำคัญ”

“และตอนนี้เราต้องไปต่ออีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ คุณไม่สามารถเข้าใกล้การชนะในนัดชิงชนะเลิศมากกว่านี้ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ ผมไม่เซอร์ไพรส์ที่เด็กๆ แก้ตัวกลับมาอีกครั้ง ถ้าคุณถามผม ‘คุณคิดว่าเราจะได้ 97 แต้มหรือไม่?’ ผมต้องบอกว่าไม่ แต่ผมเชื่อว่าเราจะมีฤดูกาลที่ดี และเราจะมีอีกครั้งในฤดูกาลหน้า”

“มันดีแค่ไหน มันก็แล้วแต่ แต่โชคร้ายมากในวงการฟุตบอล ทีมอื่นๆ ก็ดีเช่นกัน เพราะว่าพวกเขาสามารถปรับปรุง พวกเขาสามารถลงเล่น เรามีโชคใน 2-3 ช่วงเวลา เราทุกคนรู้เรื่องนี้ และเราโชคร้ายในช่วงเวลาอื่นๆ นั่นเป็นเรื่องของฤดูกาล และในท้ายที่สุดมันคือ 97 แต้ม”

“นั่นใหญ่มาก แต่มันจบลงแล้ว และตอนนี้เราต้องไม่คิดเกี่ยวกับมัน จะมีหลายๆ ช่วงเวลาที่เราจะเริ่มคิดถึงมันเกี่ยวกับสิ่งที่เราสามารถทำได้ในปีหน้า (ในลีก)”

คล็อปป์ยังพูดถึงแฟนบอลในแง่ความสำคัญต่อเส้นทางสู่มาดริดไม่แพ้ลูกทีมของเขา โดยกล่าวว่า “มันไม่ใช่คำที่เฝือ และผมรู้สึกเขินนิดหน่อยที่ผมต้องพูดมัน เพราะว่ามันเห็นได้ชัด”

“มันชัดเจนในเรื่องที่เราเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่ผมเข้ามาในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน มีช่วงเวลาดีๆ มากแค่ไหนที่เรามีในเกมฟุตบอล ผมไม่อยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มากเกินไปในตอนนี้ เพราะว่าเราต้องลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก และเราอยู่ในอารมณ์ของการเตรียมทีมจริงๆ และอะไรต่างๆ เหล่านี้ แต่มันเป็นช่วงปิดฤดูกาล ดังนั้นชัดเจนว่าเราต้องพูดถึงนิดหน่อย”

“เรามีช่วงที่ยอดเยี่ยมของฤดูกาลร่วมกันอย่างแท้จริง ช่วงเวลาที่โดดเด่น ไม่เพียงแต่เกมในบ้าน แต่ชัดเจนว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมในบ้าน เรามีเกมเยือนบางนัดที่น่าทึ่ง”

“ผมชอบเกมเยือนบาเยิร์น มิวนิก มันเติบโตขึ้น มันคือฟุตบอล แท็กติกในระดับสูงที่สุด เรื่องที่ดีๆ มากมาย และผมต้องขอบคุณจริงๆ สำหรับเรื่องนี้”

“ผมคิดตามความเป็นจริงถึงสิ่งที่เราต้องถ่ายทอดให้กับกองเชียร์ของเราที่ออกไปที่นั่น ความน่าตื่นเต้นที่ทุกๆ คนต้องการ และต้องการมีส่วนร่วม”

คุณอยากจะอยากจะคิดเกี่ยวกับเกมต่างๆ คุณอยากจะดูเกมเหล่านี้ และนั่นเป็นเรื่องที่พิเศษมาก เราไม่เป็นแค่สโมสรเดียวที่ชัดเจนว่ามีช่วงเวลาแบบนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ (สำหรับเรา) กับสิ่งที่สโมสรอื่นๆ มี”

“เราต้องมีมัน เราต้องสนุกสนานกับมันให้มาก นั่นเป็นเรื่องที่เจ๋งมาก”