อดีตนักเตะที่เคยร่วมงานภายใต้การคุมทีมของเชราร์ อุลลิเยร์ในทีมลิเวอร์พูล ได้ออกมายกย่องอดีตผู้จัดการทีมของพวกเขาอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก หลังการจากไปของเขา

อุลลิเยร์ใช้เวลา 6 ปีในแอนฟิลด์ที่ทำให้สโมสรกลับมาเป็นทีมชั้นนำของยุโรป และคว้าเทรเบิลแชมป์ ยูฟา คัพ, เอฟเอ คัพ และลีก คัพ รวมถึงกลับไปเล่นในแชมเปียนส์ลีกในฤดุกาล 2000-01

หลังจากกลับมารับงานคุมทีมต่อในฤดูกาล 2000-02 ต่อจากตอนที่ต้องผ่าตัดหัวใจเพื่อช่วยชีวิต อุลลิเยร์นำทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ อีกครั้งในปี 2003 ก่อนอำลาทีมในปีถัดมา

เจมี คาร์ราเกอร์

สำหรับผม เขาจะได้รับการจดจำในฐานะหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอาชีพของผม และหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมผมได้เล่นให้กับลิเวอร์พูลตลอดทั้งอาชีพ”

“เขายืนกรานตั้งแต่เริ่มแรกตอนที่ผมเข้ามาในทีมในเรื่องที่ผมต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการต่างๆ มันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวเท่านั้น นักเตะอังกฤษต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆ ต้องเดินหน้าไปพร้อมกับเวลา เกมมีการเปลี่ยนแปลง มันรวดเร็วขึ้น บางคนไม่ฟัง แต่บางคนทำมัน”

“ผมรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองเชื่อฟังเชราร์ อุลลิเยร์ ในปีแรกๆ เพราะถ้าไม่มีเขา ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้เล่นให้กับลิเวอร์พูลได้นานขนาดนั้น และสนุกสนานกับอาชีพของผมเองเป็นอย่างมากเช่นกัน ผมเป็นหนี้เขาจริงๆ”

“เขาเป็นคนในวงการฟุตบอล และมีไม่มากผมต้องบอกอย่างนั้น ที่ผมยังติดต่ออยู่เสมอ แม้เราจะไม่ได้ติดต่อกันเป็นประจำเหมือนกับตอนที่เราเป็นนักเตะและผู้จัดการทีม เรายังติดต่อกันเสมอ ชอบที่จะได้เจอกันตลอด ได้เห็นเขาอยู่ในเกมต่างๆ ทั่วโลก เขาแค่เป็นคนที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเอามากๆ”

“ผู้จัดการทีมต่างชาติคนแรกเป็นเรื่องใหญ่ เป็นครั้งแรกของสโมสรที่ออกจากการใช้บู๊ตรูมอันมีชื่อเสียงจนครองความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลอังกฤษ เขาเป็นคนแรกจริงๆ และมีสายตามากมายที่จับจ้องอยู่ และตรวจสอบเขาในเวลานั้น”

“เรากลับไปอยู่ในจุดที่ลิเวอร์พูลน่าจะอยู่เสมอ ทีมที่แข่งขันเพื่อถ้วยรางวัล ชนะถ้วยรางวัล และทิ้งมรดก และชื่อในยุโรปเอาไว้ ซึ่งเป็นเชราร์ อุลลิเยร์ และทีมในยุคนั้นที่ทำให้ลิเวอร์พูลกลับไปอยุ่ในแผนที่ของฟุตบอลยุโรป”

แกรี แม็คอัลลิสเตอร์

“ชัดเจนว่าเขาคือผู้จัดการทีมของผมที่ลิเวอร์พูล และผมเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของเขาที่วิลลา แต่ยิ่งกว่านั้นเขากลายเป็นเพื่อนที่ดีของผม คนที่ครบในทุกๆ อย่าง เขาไว้วางใจผมเป็นอย่างมากในการดึงผมมาอยู่กับลิเวอร์พูลตอนที่ผมอายุขนาดนั้น ดังนั้นเรามีมิตรภาพที่ดี และเข้าใจกันเป็นอย่างดี”

“เขาเป็นคนใจเย็นมาก ขยันมากเช่นกัน การจัดการทุกอย่างในองค์กรมีความพิถิพิถันมาก กับกลุ่มนักเตะที่เขานำมารวมกัน เขามีความรู้สึกชัดเจนว่าพวกเขาน่าจะประสบความสำเร็จ เขานำความเชื่อมั่นมาใส่ในทีมนักเตะ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการจากผู้นำ และผู้จัดการทีมของคุณ มันน่ายินดีที่ไปเมลวู้ดในทุกๆ วันเพื่อทำงานกับคนๆ นี้”

“เขามีสายสัมพันธ์ที่พิเศษกับแฟนบอล นั่นอาจจะมาจากข้อเท็จจจริงตามความคิดของผมว่าเขาใช้เคยใช้เวลาทำงานในลิเวอร์พูล ซึ่งเขารู้จักผู้คน และชอบขึ้นไปอยู่บนอัฒจันทร์ และเข้าใจว่ามันมีความหมายอย่างไรสำหรับผู้คนในฝั่งสีแดงของลิเวอร์พูล คุณน่าจะเข้าใจในเรื่องนี้จากบทเพลงที่พวกเขาร้อง”

ดิทมาร์ ฮามันน์

“ผมเองก็ช็อกไม่แพ้คนอื่นๆ เพราะว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมากกับพวกเรามากมายในหลากหลายระดับ และเขาเป็นคนที่ให้ความสนใจคนอื่นๆ มาก เขาให้โอกาสผมได้ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล ดังนั้นผมจึงขอบคุณเขาตลอดไป เขากลายเป็นเพื่อนของเราหลายๆ คน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันเราจึงรู้สึกแย่มากเมื่อได้ยินข่าว”

“ความรักของผมต่อสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ส่วนหนึ่ง และส่วนใหญ่เป็นหนี้ของเชราร์ อุลลิเยร์ ผมอยู่กับลิเวอร์พูลในปี 1999 ร่วมกับคนอื่นๆ อีก 5-6 คน มีนักเตะอังกฤษพรสวรรค์สูงจนน่าทุ่งหลายคนที่นี่ หลายคนอายุน้อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก และผมรู้ว่าสโมสรดำเนินการโดยเขาเหมือนกับครอบครัว เชราร์ทำให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และเขาปฏิบัติกับทุกคนเหมือนกัน เขามักจะเตือนเราในเรื่องที่เราต้องคารพทุกคนในวิธีการที่เราอยากจะรับมือ และให้ความเคารพ”

“ผมคิดว่าเขาพลิกโฉมสโมสรทั้งโดยส่วนตัว และในระดับฟุตบอล และทำให้ผู้คนรู้สึกพึงพอใจเกี่ยวกับสโมสรอีกครั้ง หากไม่มีเชราร์ อุลลิเยร์ เราจะไม่ได้แชมป์ยูโรเปียน คัพ ในปี 2005 เขาซื้อเจอร์ซีย์ ดูเด็ค มาร่วมทีม, คุณลองมองดูซามี ฮูเปีย ที่ไม่มีใครรู้จักตอนที่ย้ายมาครั้งแรก, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ ลงมา และทำหนึ่งประตู และอีกหนึ่งจุดโทษ”

“ผมคิดว่าเชราร์ทิ้งมรดกไว้ และนำสโมสรกับแฟนบอลมาใกล้ชิดกัน เขามักจะมองว่าตัวเองเป็นสเก๊าเซอร์กิตติมศักดิ์ และเขาจะเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของลิเวอร์พูลเสมอ”

ยารี ลิตมาเน่น

“เป็นข่าวเศร้า เชราร์ ดึงตัวผมมาอยู่กับลิเวอร์พูล  ในสายตาของผม นี่คือส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในสโมสร เช่นการนำเอาความตั้งใจแบบมืออาชีพมายังห้องแต่งตัว และนักเเตะมากขึ้น”

ซานเดอร์ เวสเตอร์เฟลด์

“กับเชราร์ ผมมีช่วงเวลาที่ดีที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาชีพของผม ผมรู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างยิ่ง และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมจึงมีเพียงความรักให้เขาอย่างเต็มที่”

“เขาเป็นคนที่น่ารักจริงๆ และคุณเห็นได้จากโพสต์ในโซเซียล มีเดีย มันไม่ได้มีเพียง ‘ขอไว้อาลัยให้กับการจากไป, บอส’ ทุกคนเขียนเรื่องรราวเกี่ยวกับเขา นั่นพูดได้มากพอ ชัดเจนว่ามันเหมือนกับผมเช่นกัน”

“เขามอบความไว้วางใจทั้งหมดที่ผมต้องการ ผมตกอยู่ภายใต้ความกดดันเป็นอย่างมาก และเขามักจะทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนนั้นสำหรับเขา ผมรู้สึกขอบคุณอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์เพราะตัวเขา ผมคิดว่าเขาจะได้การจดจำในฐานะหนึ่งในโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร”

คริส เคิร์กแลนด์

“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก เพราะว่าเขาเป็นคนที่พิเศษ เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม แต่เขายังเป็นบุคคลที่น่าเหลือเชื่อ และเขาจะได้รับการคิดถึงเป็นอย่างมาก”

“เขาทำให้ความฝันของผมกลายเป็นจริง ผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลมาตลอด และเขาเซ็นสัญญากับผม ซึ่งผมเป็นหนี้เขามากๆ แต่ในแบบที่เขาเป็น เขาทำให้คุณรู้สึกพิเศษมาก เขามักจะรู้ล่วงหน้าหากมีบางอย่างไม่ถูกต้อง และเขาจะเข้ามาหาคุณ และโอบไหล่คุณ ถามว่าเขาจะช่วยทำอะไรให้กับคุณ หรือครอบครัวคุณได้ เป็นคนที่พิเศษมากๆ”

“เขาซื่อสัตย์ นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับเชราร์กับผมโดยส่วนตัว และนักเตะคนอื่นๆ หลายคน เขาจะพูดความจริง สิ่งที่เขาพูด คุณเชื่อเขา เขาเป็นแค่คนที่เมื่อเขาพูดคุณจะฟัง”

“การประชุมทีมจะเป็นช่วงก่อน หรือพักครึ่ง ทุกๆ คนแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของพวกเขา เพราะว่าทุกๆ คำที่เขาพูดคุณจะสอดประสานไปกับเขา โลกนี้โชคดีมากที่มีเขาในวงการฟุตบอล”

                                                  

ฌิมี ตราโอเร่

“กับเชราร์ ผมมีความสัมพันธ์เหมือนพ่อกับลูก เขาโหดกับผมมาก แต่ท้ายที่สุดเขาอยากจะดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวผมออกมา”

แซมมี ลี

“เชราร์เป็นคนรักครอบครัว และเขาใกล้ชิดกับครอบครัวของเขามาก เขารักครอบครัว และเขายังมองว่าสโมสรลิเวอร์พูล และแฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขา”

“ในแง่โค้ช เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผม ตรงไปตรงมาอย่างที่สุด ความจริงแล้วเขาสอนวิธีการโค้ชให้กับผม เขาเปลี่ยนแปลงสโมรอย่างที่ทุกคนรู้ และมีอะไรที่ยอดเยี่ยมมากมายในการยกย่องเขา”

“เรื่องหนึ่งคือเชราร์มักจะใจกว้างในช่วงเวลาของเขา และกับความรู้ของเขา มันไม่ใช่การไม่เคารพใครก่อนหน้านั้น แต่เชราร์เข้ามา และปฏิรูปที่แห่งนี้อย่างมากมาย เขาเร่งความเร็ว เขารู้ประวัติศาสตร์ของสโมสร และเขาเข้ากับผู้คนได้ดีมาก เขาเข้ากับเมือง เขารู้เกี่ยวกับสิ่งที่แฟนบอลกำลังมองหา และเขาเข้าใจในตัวพวกเขา”

อิกอร์ บิสคาน

“สุภาพบุรุษที่มักจะตั้งใจช่วยเหลือผู้อื่น คนที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ จากประสบการณ์ของผม ผมต้องบอกว่าแม้แต่ในช่วงเวลาแย่ๆ คุณมีปัญหาที่จะหาคนอย่างนี้ที่เข้าใจคุณ และพยายามช่วยเหลือคุณ มันมีความหมายเป็นอย่างมาก”

“นี่คือสิ่งที่ผมจะจดจำจากเขา คนที่ดีน่ารักมาก อย่างแรกนั่นคือหนึ่งในคาแรกเตอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดไม่แพ้ใคร ด้วยเหตุผลนี้เขาจะอยู่ในที่ที่พิเศษในใจของผม”

เกรกอรี วิญอล

“ผมสนิทกับเชราร์มาก ผมพุดกับเขาว่า ‘บอส, ผมอยากจะเรียนรู้งาน คุณช่วยผมได้ไหม?’  ตั้งแต่ผมเลิกเล่น ทุกสัปดาห์ผมจะโทรหาเขา ผมสนิทกับเขามาก ผมพูดกับเขาว่า ‘บอส, ผมต้องการคุณ เพราะว่าผมอยากจะเป็นโค้ชที่ดี, ผมอยากพยายามเป็นโค้ชที่ดีอย่างที่คุณเป็นให้ได้’ มันเป็นข่าวเศร้ามากๆ”

“เชราร์ใช้เวลา 24 ชั่วโมงต่อวันในการมีชีวิต และทำงานให้กับลิเวอร์พูล มันอัศจรรย์มาก เพราะว่าเขามีวิสัยทัศน์นี้ ตอนที่เขาพูดบางอย่างกับนักเตะ ทุกคนพร้อมจะฟังสิ่งที่เขาพูด บางครั้งเมื่อคุณเป็นผู้จัดการทีม มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะพูดยังไง และคุณต้องใช้คำที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสร้างผลกระทบ ผมคิดว่าเชราร์ฉลาด และทำได้ดีมากในเรื่องนี้”

“มันจะใช้เวลานานเกินไปในการพูดเกี่ยวกับเชราร์ แต่ผมจะบอกว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ความปรารถนาสูง ทำงานหนักมาก และเป็นคนที่น่ารัก รักครอบครัว คนจำเป็นต้องรู้ว่าจักเชราร์สนิทครอบครัวเช่นกัน บางครั้งคุณน่าจะได้รับโทรศัพท์จากบอสในตอนสาม, สี่, ห้าทุ่ม และมันเป็นแบบ ‘เกรกอรี่ ครอบครัวสบายดีไหม?’ ตอนที่ผมมีลูกคนแรกในลิเวอร์พูล เขาเป็นคนแรกที่โทรหา เชราร์เป็นแบบนี้ เขาพร้อม 24 ชั่วโมงสำหรับคุณ ผมคิดว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมกับลิเวอร์พูล กับถ้วยรางวัล 6 ใบ”