เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้พูดคุยถึงความท้าทายเรื่องของสภาพความฟิตในฤดูกาล 2020-21 การจับคู่ป้องกันอย่างมีศักยภาพ ระหว่างโจ โกเมซ และโจเอล มาติป รวมถึงความภาคภูมิใจของเขาในตัวมาร์คัส แรชฟอร์ด เมื่อวันศุกร์

ระหว่างช่วงที่สองในงานแถลงข่าวก่อนเกมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้พูดลงรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียกร้องต่อบรรดานักฟุตบอลที่ไม่ซ้ำแบบใครของการแข่งขันในปัจจุบัน

คล็อปป์ยังได้ประเมินถึงโอกาสในการจับคู่กันของโกเมซและมาติปในแผงหลังจากการหายไปของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และอธิบายถึงการยอมรับของเขาต่อแคมเปญทางสังคมที่นำโดยมาร์คัส แรซฟอร์ด ศูนย์หน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การประสานงานกับฝ่ายแพทย์ของสโมสรเกี่ยวกับความฟิตและความพร้อมของนักเตะ...

ให้ผมพูดอย่างนี้เถอะ ฟุตบอลอาชีพในระดับที่เราเล่น มันก็คล้าย ๆ ฟอร์มูล่า วัน เมื่อเทียบกับการขับรถธรรมดา ปัญหาส่วนใหญ่ที่เด็ก ๆ มีระหว่างสัปดาห์คงจะไม่มีใครพูดถึง เพราะคุณไม่ได้ทำการออกตัวในจังหวะถัดไปหรือขึ้นไปถึงการออกตัว 50 ครั้งในหนึ่งชั่วโมงครึ่งถัดไป

สำหรับเราแล้ว มันต้องตัดสินใจกันอยู่ตลอดเวลาว่าอะไรเป็นปกติในช่วงเวลานั้น อะไรที่เด็ก ๆ รู้สึก หรืออะไรที่นักกายภาพบำบัดรู้สึกเมื่อกำลังสัมผัสกับกล้ามเนื้อของพวกเขา มันมากเกินไปหรือไม่? เราต้องระวังแล้วหรือไม่? หรือเราสามารถเพิกเฉยจ่อมันได้เมื่อไหร่ และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งหมด นั่นคือความท้าทายอย่างมาก ด้วยความสัตย์จริง เรามีการพูดคุยโต้เถียงกันมากมายในฝ่ายนั้น กับบรรดาทีมแพทย์ เถียงกันเสมอเลย

วิทยาศาสตร์การกีฬาเมื่อเทียบกับในช่วงเวลาที่ผมยังเรียนอยู่หรือช่วงต้นยุค 90 ปลาย 90 และอะไรต่าง ๆ แบบนี้ ไม่มีใครรู้มากมายนักเกี่ยวกับการฟื้นฟู และเวลานานแค่ไหนที่คุณต้องการใช้ มันเป็นแค่ฟิตหรือบาดเจ็บ และในระหว่างสองคำนี้ มันก็ไม่มีอะไรมากนัก ตอนนี้ กับจำนวนเกมที่เราเล่นและกับตารางแข่ง...

ฟังนะ ผมเคยพูดมาก่อนเกมกับเอฟวอร์ตันแล้ว ความท้าทายอย่างมากสำหรับเรา คือ เมื่อเด็ก ๆ เล่นในคืนวันพุธ ถ้าพวกเขาเล่นในลิเวอร์พูลคืนวันพุธ แล้วต่อด้วยวันเสาร์ในเวลาเที่ยงครึ่ง ความแตกต่างระกว่างวันเสาร์ตอนเที่ยงครึ่งกับวันเสาร์ตอนสองทุ่มอย่างที่เราทำในตอนนี้มันสำคัญมาก มันสำคัญที่จะมีสองสามชั่วโมง ร่างกายต้องกายจำนวนชั่วโมงโดยเฉพาะเพื่อการฟื้นฟูและไม่มีใครสามารถลดเรื่องนั้นหรือทำให้มันเร็วขึ้นได้

คุณสามารถทำมันได้แน่นอนด้วยบางสิ่ง แต่คุณไม่สามารถทำมันได้ในเวลา 20 ชั่วโมง เรามีปัญหานี้มาเสมอในช่วงคริสต์มาส เมื่อไม่มีใครสนใจจะฟังเกี่ยวกับบ็อกซิ่ง เดย์ และสองวันถัดมาก็ต้องลงเล่นอีกครั้ง และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ทั้งหมด มันคือความท้าทาย เรารับมือกับความเป็นมนุษย์ เราร้องขอมาหลายครั้งแล้ว แต่เราไม่สามารถทำสร้างมหัศจรรย์หรือสร้างปาฏิหาริย์ได้ มันแค่เป็นไปไม่ได้

แต่พวกเขาต้องสู้ต่ออีกครั้ง และไม่มีใครแคร์เกี่ยวกับวาเมื่อไหร่ที่พวกเขาลงเล่นไปครั้งล่าสุด และนั่นก็เป็นแค่สถานการณ์ ทีมแพทย์และโค้ชมีการพูดคุยกันบ่อยมากเกี่ยวกับเรื่องนั้น และมันก็ยากที่จะตัดสินใจ ผมอยากพูดว่าส่วนใหญ่แล้ว เราอาจจะถูกต้อง พวกเราทั้งหมดค้นหาทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม แต่บางครั้ง เราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจริง ๆ และสวดภาวนาหรือหวังผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันยุ่งยากในเวลานี้ แต่มันเป็นสำหรับทุกทีมที่มีส่วนร่วมในฟุตบอลระดับนานาชาติ มันก็เป็นเหมือนกันหมด แต่เราไม่ได้เล่นกับพวกเขาตลอดเวลา เราเล่นกับทีมที่ก็เล่นไปเมื่อเสาร์ที่แล้ว หรืออาทิตย์ที่แล้ว ดังนั้น นั่นทำให้มันแตกต่างกันมาก ผู้คนอาจจะคิดว่ามันยุติธรรมดีแล้ว เพราะทีมหนึ่งมีนักเตะมากกว่าหรือนักเตะที่ดีกว่าหรืออะไรก็ตาม และอีกทีมมีเวลาฝึกซ้อมที่มากกว่า นั่นคือสถานการณ์ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ นั่นคือสถานการณ์

ปีนี้ กับสามเกมต่อเนื่องในช่วงพักเบรกทีมชาติ มันเป็นเรื่องใหม่จริง ๆ นั่นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมันเป็นความท้าทายที่เหลือเชื่อในการลงเล่นตอนเที่ยงครึ่งวันเสาร์ เพราะบรรดานักเตะอเมริกาใต้เพิ่งกลับมาจากเปรู ซึ่งมันเหลือเชื่อสุด ๆ และกับเรื่องที่พวกเขาเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมมาด้วย นั่นคือเหตุผล ใช่ เรามีการพูดคุยกับทีมแพทย์ และเราได้รับคำแนะนำและเมื่อแพทย์มาหาผม (และพูดว่า) นักเตะคนนี้ไม่อาจลงเล่นได้ ผมไม่อาจพูดว่า ‘เขาเล่นได้!’ ดังนั้น ผมต้องรอจนกระทั่งนาทีสุดท้ายเพื่อทำการตัดสินใจในสัปดาห์เหล่านี้ ผมคุ้นเคยกับเรื่องนั้น และผมก็ยังพยายามค้นหาทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดอยู่

โอกาสที่โกเมซและมาติปจะได้จับคู่ในแผงหลัง และความจริงที่ว่าพวกเขาไม่เคยลงเล่นตัวจริงร่วมกันมาก่อน...

เหตุผลสำหรับเรื่องนั้น เพราะผมคิดว่าเวิร์จเล่นได้ดีมากมาทุกเกม และหนึ่งในพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ตราบเท่าที่เดยัน ลอฟเรน ยังอยู่ที่นี่ และเดยันอยู่ในช่วงเวลาที่ฟิต (เขาสามารถเล่นได้) ผมไม่รู้ว่าพวกเขาไม่เคยลงเล่นด้วยกันมาก่อน ผมไม่รู้เรื่องนั้นเลย แต่พวกเขาสามารถเล่นด้วยกันได้ ไม่ต้องสงสัยเลย อย่างที่ผมพูดไปกับเรื่องของฟาบินโญ่จับคุ่กับโจ พวกเขาจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกันและพวกฟูลแบ็คก็จำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับพวกเขาด้วย

คุณมีความมั่นคงที่มากขึ้น ดีขึ้น เราไม่เคยมีเรื่องนั้นจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งตำแหน่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเสมอ พวกเขาจะต่อสู้ไปด้วยกัน มันไม่มีอะไรให้สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย มันคือฟุตบอลและมันไม่ได้เป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจไม่ได้ในชั่วข้ามคืน เราสามารถช่วยพวกเขาด้วยข่าวสารข้อมูล แล้วพวกเขาจะเข้ารับการทดสอบทุก ๆ สามวัน นั่นคือสถานการณ์

นี่คือฤดูกาลที่ท้าทายที่สุดที่เคยมีมาสำหรับการเป็นผู้จัดการทีม ในแง่ของการรับมือกับความฟิตของนักเตะ...

มันจะกลายเป็น (แบบนั้น) มันเป็นเรียบร้อยแล้ว และจะเป็นต่อไป ชีวิตมีความท้าทายที่มากกว่าที่เคยเจอมาก่อนในชีวิตของผม และกับฟุตบอลก็ไม่แตกต่าง มันไม่มีความแตกต่าง นั่นคือสิ่งที่เราพูดคุยเกี่ยวกับความสม่ำเสมอ เราพยายามที่จะหาทางแก้ปัญหา และเราต้องการความช่วยเหลือจากทุกคนเพื่อนำเด็ก ๆ ให้ผ่านมันไป ผมจะไม่คร่ำครวญกับอะไร แต่ในเรื่องตารางแข่งนี้ เราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าทีมที่เล่นช่วงกลางสัปดาห์จะไม่ต้องเล่นในเวลาเที่ยงครึ่งของวันเสาร์ ยกตัวอย่างนะ ถ้าคุณเล่นวันอังคาร (ในรายการ) แชมเปียนส์ลีก แล้วต่อด้วยเที่ยงครึ่งวันเสาร์ แบบนี้มันยังโอเค

ถ้าคุณเล่นวันพุธ แล้วตามด้วยวันเสาร์ตอนเที่ยงครึ่ง มันคือแบบ โอ้ พระเจ้า คุณทำมันอีกครั้ง ‘โอเค มาเลย มาจัดการมันกันเถอะ’ แต่คุณทำมันสองครั้ง สามครั้ง อะไรแบบนี้ นั่นคือปัญหา นั่นคือปัญหาอย่างแท้จริง เราต้องการเวลาเพื่อพักพวกเขา ผมรู้ว่าผู้คนไม่ต้องการจะได้ยินแบบนั้น และเราสามารถย้อนกลับไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้คนพูดเกี่ยวกับนักฟุตบอลอาชีพได้ แต่ในท้ายที่สุด สิ่งที่ผมพูดไป มันก็เหมือนฟอร์มูล่า วัน ทุกคนสามารถขับรถได้ แต่มันยากที่จะขับด้วยความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมงในพื้นที่ปิด แล้วคุณก็หวังว่าการพักของคุณจะได้ผล

มันคือฟุตบอลอาชีพ ทั้งหมดคือความเร็วในระดับสูงสุด ทั้งหมดคือความเข้มข้นอย่างสูงที่สุด และทั้งหมดนั่น คุณต้องการการพักที่ดีที่สุดที่คุณสามารถให้ได้ เหมือนเบรกรถยนต์ และเวลามากที่สุดที่คุณจะได้รับ นั่นคือทั้งหมด ผมไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้นแน่นอน ผมรู้ดีว่าผู้จัดการทีมทุกคนที่มีส่วนร่วมกับฟุตบอลระดับนานาชาติมองเห็นมันเหมือนกัน แต่อย่างที่เรารู้ นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมายอยู่แล้ว

สิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับแรชฟอร์ด...

ใช่ ผมไม่แน่ใจว่าผมสามารถหาถ้อนคำไหนที่ดีไปกว่าและคนที่ฉลาดกว่าผมก็ด้พูดเกี่ยวกับมันไปแล้ว แต่สิ่งที่มาร์คัสเริ่มต้น มันเหลือเชื่อมากและมันยอดเยี่ยมมาก กับความเป็นศัตรูทั้งหมดทั้งมวลระหว่างสองสโมสรและอะไรต่าง ๆ ในช่วงเวลาเหล่านั้น ในฐานะนักฟุตบอล และในฐานะการเป็นมนุษย์ มันเท่าเทียมกันเสมอ มันดีที่ได้แสดงออกมาในเวลาที่เห็นได้ชัดว่าผู้คนมากมายที่อยุ่ในตำแหน่งจริง ๆ และไม่แสดงออกถึงสัญญาณของภาวะผู้นำ ซึงเด็กคนหนึ่งได้เติบโตขึ้นมาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เห็นได้ชัดว่ามีพรสวรรค์ที่น่าตื่นเต้น ไม่เคยลืมรากเหง้าของเขาและที่ที่เขาจากมา

ที่เขาต้องทำนั้นเป็นเรื่องที่น่าขัดเขินอยู่บ้าง แต่ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ผมหวังว่าแม่ของเขาจะภาคภูมิใจในตัวเขามาก ผมไม่รู้จักเขา เขาเล่นให้ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้มันยากจริง ๆ! แต่มันเป็นสิ่งที่แสนมหัศจรรย์มาก ๆ ไม่ว่าเขาจะได้รับคำชื่นชมอะไรก็ตาม และผมก็มั่นใจมาก ๆ ว่าเขาไม่ได้ต้องการการชื่นชมยกย่องในตอนนี้มากไปกว่านี้แล้ว มันยอดเยี่ยมที่ได้ทำมันซักครั้ง นั่นคือที่มันเป็น ตอนนี้ เขาอยู่ในบทบาทและตอนนี้เขาคือแบบอย่างสำหรับเรื่องนั้น และนั่นก็ยอดเยี่ยมมาก และมันจะไม่ดึงเขาออกห่างไปจากฟุตบอลของเขา แต่ ใช่แล้ว เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างมากแลน่ามีความสุขกับมันจริง ๆ

การรวมกันของเมืองลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์...

ใช่ นั่นแค่แสดงให้เห็นว่าฟุตบอลสามารถทำสิ่งมหัศจรรย์ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง และมันแสดงเช่นเดียวกันว่าหัวข้อเป็นเรื่องจริงจังมาก นั่นคือเหตุลที่ทุกคนปล่อยวางความเป็นศัตรูไว้ก่อน และแค่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญมากกว่าในชีวิต อย่างที่ผมเคยพูดไปแล้ว มีความสุขมาก ๆ ที่เราสามารถแสดงออกถึงความแข็งแกร่งในช่วงเวลาเหล่านี้